ลูกติดโควิดทำอย่างไรดี? กรณีที่อาการไม่หนัก รักษาแบบ Home Isolation ได้หรือไม่ และอาการอย่างไรถึงควรรีบพบแพทย์ ที่นี่มีคำตอบ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ความรุนแรงน้อยกว่าที่ผ่านมา การที่เด็กๆติดเชื้อมากขึ้นโดยอาจจะมีสาเหตุหลักมาจาก เด็ก 5 – 11 ปี เพิ่งได้รับวัคซีนป้องกัน และมีการเปิดเรียนในบางโรงเรียน
โดยตามปกติอาการของเด็กที่ติดเชื้อจะมีไข้อยู่ประมาณ 5 วัน แต่ต้องสังเกตอาการถึง 10 วัน และติดตามอาการต่อจนครบ 14 วัน การรักษาในเด็ก เหมือนการรักษาในผู้ใหญ่ จากการคุยกับผู้เชี่ยวชาญเด็กหลายรายพบว่า เชื้อ ‘โอมิครอน’ ในเด็กส่วนใหญ่ ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยเหมือนเป็นไข้หวัด อาจจะต้องย้ำให้ผู้ปกครองเข้าใจเพื่อลดความกังวล
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า ช่วงอายุเด็ก
ที่ติดโควิด19 ที่พบบ่อยคือช่วงอายุ 3 -11 ปี โดยกลุ่มที่มีอาการรุนแรงมักจะเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคสมอง หัวใจ มะเร็ง หรือกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง
จากการสำรวจเตียงในเครือสำนักกรมการแพทย์ UhosNet กรุงเทพมหานคร พบว่ามีประมาณ 500 กว่าเตียง และมีการครองเตียงแล้วกว่าร้อยละ 80 โดยเตียงเด็กจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ กลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มเด็กอายุ 1-11 ปี และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มอายุมากว่า 12 ปีขึ้นไป
การเข้ารับการรักษา จะต้องผ่านการคัดกรองประเมินระดับความรุนแรงตามอาการของผู้ป่วย หากเด็กมีอาการไข้ไม่สูง ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง เด็ก ไม่ซึม รับประทานอาหารได้ มีผู้ดูแล และมีห้องน้ำแยกป้องกันการกระจายของเชื้อ จะสามารถเข้ารับการดูแลในรูปแบบของ Home Isolation (HI) หรือรักษาที่บ้าน โดยมีทีมพยาบาลติดตามอาการ
อย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง มีการส่งเครื่องมือวัดไข้ เครื่องมือวัดออกซิเจน ยา ถุงขยะติดเชื้อ อาหาร รวมทั้งของเล่นให้เด็กด้วย
แต่เด็กที่มีอาการเปลี่ยนแปลง เช่น ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง ซึม ไม่รับประทานอาหาร หายใจเร็ว มีระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วน้อยกว่า 96% ให้รีบไปพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้าน
