หมอมานพ ชี้ ซิโนแวค 2 เข็มเอา โอมิครอน ไม่อยู่ แม้บูสด้วย ไฟเซอร์ – แอสตร้าฯ ลั่น จำเป็นต้องรีบฉีดเข็มที่ 4 เป็น mRNA vaccine
วันนี้ (31 ธ.ค. 64) นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้โพสต์ถึงการฉีดวัคซีนโควิด และการรับมือ โอมิครอน ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มานพ พิทักษ์ภากร โดยระบุว่า ‘ผู้ที่เคยได้ CoronaVac ครบ 2 เข็ม แล้วได้รับ Pfizer vaccine booster เข็มสาม ก็อาจรับมือ Omicron ไม่ได้
ข่าวไม่ดีเท่าไหร่ครับ การศึกษาเผยแพร่ใน preprint เมื่อวานนี้โดยทีมนักวิจัยจาก Yale ทำการทดสอบภูมิคุ้มกันจากประชาชนชาว Dominican ซึ่งได้รับวัคซีนเชื้อตาย CoronaVac 2 เข็ม และได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มสามเป็น Pfizer vaccine นำมาวัดระดับ antibody และทดสอบ live virus neutralization assay กับเชื้อ original strain, Delta variant และ Omicron variant พบว่าระดับ antibody ของผู้ที่ได้วัคซีน 3 เข็มมีระดับสูงกว่าคนที่ได้ Pfizer vaccine ครบ 2 เข็มเพียง 1.4 เท่า และเมื่อทดสอบ neutralizing antibody กับเชื้อ 3 สายพันธุ์พบว่าระดับ antibody นั้นรับมือ original strain และ Delta ได้ แต่ไม่เพียงพอกับการยับยั้ง Omicron
นอกจากนี้การทดสอบเทียบระหว่างคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนกับคนที่ไม่เคยติดเชื้อเลย แล้วได้วัคซีนครบ 3 เข็ม พบว่าระดับ antibody แทบไม่ต่างกัน หมายความว่าการได้รับ CoronaVac + Pfizer booster ไม่เห็น hybrid immunity หรือ super-immune แบบที่เกิดกับการได้รับ mRNA vaccine 3 เข็มที่มีการศึกษามาก่อนหน้านี้
ผลสรุปจากการศึกษานี้ ทำให้บ้านเราอาจต้องปรับแผน booster เพื่อรับมือ Omicron ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ที่ส่วนใหญ่ได้วัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม และได้ booster เข็มสาม (ไม่ว่าจะเป็น Pfizer หรือ AZ) ไปนานกว่า 4 เดือนแล้ว จำเป็นต้องรีบฉีดเข็มที่ 4 เป็น mRNA vaccine ส่วนประชาชนที่ได้วัคซีนสูตรที่มีเชื้อตายเป็นส่วนประกอบ (CoronaVac หรือ Sinopharm) อาจจำเป็นต้อง boost ด้วย mRNA vaccine 2 เข็ม แทนที่จะเป็นเข็มเดียวครับ
สำหรับการไม่พบปรากฏการณ์ hybrid immunity/super-immune ในการศึกษานี้ น่าจะเป็นเพราะทราบกันดีว่าวัคซีนเชื้อตาย กระตุ้นภูมิได้ไม่ดี โดยเฉพาะ cellular immunity ซึ่งกระตุ้นได้น้อยมาก ต่างจาก viral vector หรือ mRNA vaccine’