หมอธีระ ชี้ ‘โอไมครอน‘ กำลังกระจายตัวไป 23 ประเทศทั่วโลกแล้วกลายเป็นภัยคุกคามทั่วโลก พร้อมแนะไทย อย่ามองเป็นไข้หวัดธรรมดา
ศ.นพ. ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเปรียบเทียบสถานการณ์ไทยกับเพื่อนบ้านผ่านเฟซบุ๊กเพจ Thira Woratanarat ระบุว่า
“1 ธันวาคม 2564…World AIDS Day เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 557,513 คน ตายเพิ่ม 7,258 คน รวมแล้วติดไปรวม 262,988,150 คน เสียชีวิตรวม 5,232,252 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และรัสเซีย
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 95.11 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 92.8
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นมากถึงร้อยละ 63.37 ของทั้งโลก พอๆ กับจำนวนเสียชีวิตเพิ่มที่คิดเป็นร้อยละ 60.31
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก
สำหรับสถานการณ์ไทยเรา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 4,306 คน สูงเป็นอันดับ 27 ของโลก หากรวม ATK อีก 1,744 คน จะขยับเป็นอันดับ 21 ของโลก ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย รองจากตุรกี เวียดนาม และอินเดีย
Omicron ตอนนี้มีรายงานจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกราว 23 ประเทศ ครอบคลุมทุกทวีป ทั้งแอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ โอเชียเนีย และเอเชีย ลำพังดูข้อมูลของแอฟริกาใต้ก็คงเห็นว่าการระบาดนั้นเพิ่มขึ้นเร็วมากในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนการติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นถึง 404% จากสัปดาห์ก่อนหน้า

ล่าสุดมีรายงานจาก BNONews ว่าเคสโอไมครอนในเยอรมันล่าสุดไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งอาจบ่งถึงการติดเชื้อภายในชุมชน หรือ community transmission แต่ยังต้องรอการยืนยันอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก TimeofIsrael ว่า อิสราเอลพบแพทย์ 2 คนติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน โดยรายหนึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากการประชุมที่ลอนดอน โดยทั้งคู่ได้รับวัคซีนครบไปแล้วสามโดส ทำให้ตอนนี้อิสราเอลมีเคสที่ยืนยันแล้ว 4 ราย ในขณะที่รอการยืนยันอีก 34 ราย
ทั่วโลกนั้นมีความตื่นตัวในการปรับนโยบายและมาตรการให้เข้มข้นขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโอไมครอน เพราะขณะนี้เป็นการซื้อเวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้มีการศึกษาวิจัยให้มีความรู้ที่จะตอบให้ได้ว่าสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะการแพร่ การติด การป่วย การตาย หรือดื้อต่อภูมิคุ้มกันต่างจากสายพันธุ์เดิมๆ หรือไม่ มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงของลักษณะไวรัสที่เห็นในปัจจุบัน บ่งถึงความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นภาวะคุกคามระดับโลก
ดังนั้น การบริหารจัดการนโยบายและมาตรการระดับชาติจึงต้องมีทัศนคติที่ถูกต้อง จึงจะนำไปสู่สวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของทุกคนในสังคม
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงคือ การประเมินด้วยข้อมูลที่จำกัดแล้วมองว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่รุนแรง เอาอยู่ สุดท้ายจะนำไปสู่วังวนเดิมที่เคยเห็นกันมาในอดีต สำหรับประชาชนอย่างพวกเรา ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเป็นกิจวัตร ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เว้นระยะห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร
ด้วยรักและห่วงใย”
