โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รับผีน้อยกลับไทย 200-300 คน จากยื่นข้อประสงค์ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.62-1 มี.ค.63 ร่วม 5,265 คน เร่งประสาน ตม.ขอข้อมูลติดตามต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตัวเลขสถิติแรงงานไทยที่เข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายที่ประเทศเกาหลีใต้หรือผีน้อย ที่ลงทะเบียนและรายงานตัวกับทางการเกาหลีใต้ ผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ โดยมีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยไม่ถูกดำเนินคดี ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 จนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2563 มีจำนวน 5,265 คน
“มาตรการดังกล่าวเริ่มมาก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ช่วงแรกที่มีมาตรการนี้ออกมา พบว่ายังไม่มีแรงงานไทยผิดกฎหมายมาลงทะเบียนแสดงความประสงค์กลับประเทศมากนัก เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะเมืองแดกู กับ คยองซังเหนือ มีมากขึ้น ทำให้ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ -1 มีนาคม 2563 มีตัวเลขสูงถึง 1,000 กว่าคน” นายเชิดเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ ยังระบุตัวเลขกลุ่มแรงงานผีน้อยที่เดินทางกลับประเทศไทยบางส่วน ประมาณได้ 200-300 คน แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่ยังไม่ชัดเจน จึงไม่สามารถพูดได้ว่ามีจำนวนเท่าใดแน่ เพราะไม่ได้แจ้งสถานทูต
นายเชิดเกียรติ กล่าวต่อถึงมาตรการของรัฐบาลที่ชอให้ผีน้อยชะลอเดินทางกลับไทย ว่า การดำเนินการจะต่างจากการดูแลคนไทยในอู่ฮั่น ที่มีการประกาศปิดเมือง ทำให้ต้องอพยพกลับมาเป็นกลุ่ม แต่กรณีที่เกาหลีใต้ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการแพร่ระบาดหนัก 2 เมือง คือ แดกู กับ คยองซังเหนือ ยังสามารถเดินทางเข้า-ออกได้ปกติ ดังนั้น แรงงานไทยผิดกฎหมายหรือคนทั่วไป ก็สามารถเดินทางกลับมาได้ด้วยเครื่องบินพาณิชย์ แต่แรงงานไทยที่ผิดกฎหมายจะต้องรายงานตัวที่ ตม.เกาหลีใต้ และจะใช้เวลาดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารประมาณ 3-15 วัน ก่อนการเดินทางกลับ
กระทรวงได้แนะนำกลุ่มผีน้อยว่ ในช่วงที่รอเดินทางกลับ ขอความร่วมมือให้กักตัวอยู่ที่บ้านพัก เป็นเวลา 14 วัน ตามขั้นตอน และจะต้องมีการตรวจโรค และจะมีการตรวจโรค ตรวจคัดกรองก่อนจะขึ้นเครื่อง สถานทูตที่กรุงโซลได้พยายามคุยกับทางการเกาหลี เพื่อให้ทางการเกาหลีทำมาตรการคัดกรองเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง เพื่อสร้างความมั่นใจ ก่อนที่แรงงานเหล่านี้จะเดินทางกลับประเทศไทย
โดยหน้าที่หลักของกระทรวงต่างประเทศที่ได้รับมอบหมายในทางการต่างประเทศ คือ จะมีการรวบรวมรายชื่อแรงงานคนไทยที่ผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ และจะประสาน ตม. เพื่อดูว่าคนเหล่านั้นว่ามีถิ่นพำนักที่ใด เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทยแล้ว จะได้มีขั้นตอนตามมาต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงและสถานทูตมีการประสานกันมาตลอด โดยทูตจะไปประสานพบกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบรายชื่อแรงงานไทยที่ผิดกฎหมายว่ามีจำนวนเท่าใด แต่ที่ผ่านมาเราได้ทำเอ็มโอยูระหว่างกรมจัดหางานและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ ที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันด้วย ตอนนี้ต้องรอให้กระทรวงสาธารณสุขประกาศประเทศกลุ่มเสี่ยงก่อนว่ามีประเทศใดบ้าง จากนั้น จึงจะได้มีการกำหนดรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป