ความเคลื่อนไหวภายหลังจากนาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความ หลังจากนายสมศักดิ์ รับ นายทุนผับฉาว บริจาค 3 ล้าน ให้พปชร.จริง พร้อมโพสต์ข้อความอีกว่า หากมีทุนยาเสพติด บริจาคให้สัก 10 ล้าน โดยเข้าตามตรอกออกตามประตู อย่างที่คุณสมศักดิ์ แห่งพรรคพลังประชารัฐว่าเอาไว้ จะไม่สงสัยเลยสักนิดหรือว่า เงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากนายทุนประเภทไหน?
นายทุนบ่อน?
นายทุนยาเสพติด?
นายทุนผับอัพยา?

เพราะอย่าง นายเป๋อ นายป่อง ชาวบ้านทั่วไปคงไม่บริจาคเงินให้มากขนาดนั้นได้ เมื่อเป็นพรรคการเมืองรับบริจาค ต้องสมควรระวังมากกว่าปกติหรือไม่? ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาทุนไปต่อทุน เพื่อเดินหน้าให้ได้ ส.ส. อย่างเดียว ทุนการเมือง หากรับมาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ มันน่ากลัวไม่ใช่เล่นแล้วนะครับท่าน
จากประเด็นดังกล่าว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ กรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ หลังจากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนยอมรับว่า มีนายทุนจีนที่อาจแปลงสัญชาติเป็นไทย บริจาคเงินเข้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อปี 2564 เป็นจำนวน 3 ล้านบาท โดยมีหลักฐานปรากฎในเอกสาร กกต. เป็นที่รับรู้กันโดยกว้างขวางแล้วนั้น เป็นการฝ่าฝืน ม.44 ม.72 และหรือ ม.74 ของ พรป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่
ทั้งนี้บุคคลดังกล่าว ปรากฎเป็นข่าวหลังกรณีตำรวจบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา ที่ลักลอบเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบยาเสพติดหลากหลายรายการ อาทิ ยาเค, ยาแฮปปี้วอลเตอร์, ไฟว์ ไฟว์ รวมทั้งรถหรูอีกมากมาย ซึ่งบุคคลดังกล่าวยังเป็นหุ้นส่วนในบริษัทต่าง ๆ อีกหลายบริษัท

ซึ่งบริษัทต่าง ๆ เหล่านั้น มีนอมินีถือหุ้นแทนต่างด้าวหรือไม่ อย่างไร เพราะอาจเกี่ยวพันและเชื่อมโยงต่อการบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองที่ปรากฎเป็นข่าวได้ ที่สำคัญบุคคลดังกล่าวแม้จะโอนสัญชาติเป็นไทยแล้วก็ตาม แต่ได้สละสัญชาติเดิมของตนแล้วหรือไม่ หรือยังคงถือ 2 สัญชาติอยู่
กรณีดังกล่าวมีกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดเป็นข้อห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อื่นใดจากบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจหรือกิจการหรือจดทะเบียนสาขาอยู่ใน หรือนอกราชอาณาจักไทยตาม ม.74 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 อีกทั้ง ม.72 ยังห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่สำคัญใน ม.44 ของกฎหมายข้างต้น ยังห้ามมิให้พรรคการเมือง ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง และสมาชิกรับบริจาค จากผู้ใดเพื่อกระทําการหรือสนับสนุนการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความมั่นคงของราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดินอีกด้วย หากพรรคการเมืองฝ่าฝืนมาตราใดมาตราหนึ่งข้างต้น ย่อมเข้าข่ายความผิดตาม ม.92(3) ซึ่ง กกต.มีอำนาจที่จะเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งให้ยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนและชี้เบาะแสให้ กกต.ตรวจสอบผู้บริจาคให้พรรคการเมือง และพรรคการเมืองดังกล่าว ที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ เพื่อดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY