สธ. ย้ำ ยังไม่พบสายพันธุ์ “โอไมครอน” ในผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ส่วนวิธี RT-PCR และ ATK ยังใช้ตรวจหาเชื้อกลายพันธุ์ได้
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงกรณีโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่า องค์การอนามัยโลกยกระดับสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลตัวที่ 5 ทั้งนี้ ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังโดยการตรวจรหัสพันธุกรรมสายพันธุ์ต่าง ๆ ต่อเนื่อง ล่าสุดได้นำตัวอย่างเชื้อของผู้เดินทางเข้าประเทศในระบบ Test & Go จาก โปแลนด์ รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม มองโกเลีย ไอร์แลนด์ และลาว มาตรวจรวม 8 ตัวอย่าง พบเป็นเดลตาและสายพันธุ์ย่อยเดลตา ยังไม่พบสายพันธุ์โอไมครอน
สำหรับวิธีในการตรวจหาสายพันธุ์มี 3 วิธี คือ
- ตรวจ RT-PCR ด้วยน้ำยาเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ เช่น อัลฟา เบตา เดลตา ใช้เวลา 1-2 วัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีน้ำยาเฉพาะของโอไมครอน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ระหว่างการพัฒนา
- การตรวจตำแหน่งรหัสพันธุกรรมว่าเป็นสายพันธุ์ใด ใช้เวลา 3 วัน และ
- การถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ใช้เวลานาน 5-7 วัน
ทั้งนี้ วิธี RT-PCR เป็นวิธีการตรวจมาตรฐานที่ประเทศไทยและทั่วโลกใช้ สามารถตรวจสายพันธุ์โอไมครอนได้โดยกำหนดให้มีการตรวจยีนมากกว่า 1 ยีน หรือตรวจยีนมากกว่า 1 ตำแหน่ง ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าสายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์จนมีส่วนทั้งของอัลฟา ที่ตำแหน่ง HV69-70deletion และเบตา ที่ตำแหน่ง K417N จึงให้ตรวจตัวอย่างด้วยน้ำยาเฉพาะอัลฟาและเบตา หากพบผลบวกทั้งคู่มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นโอไมครอน ขณะนี้ได้ประสานศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศใช้เป็นเทคนิคในการตรวจเพื่อความรวดเร็ว
สำหรับการตรวจด้วย ATK เบื้องต้นยังสามารถใช้ได้ เนื่องจากมีรายงานการศึกษาทางวิชาการพบว่า การกลายพันธุ์ยังไม่กระทบต่อโปรตีนที่ใช้ในการตรวจ ATK อย่างไรก็ตาม จะประสานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอให้บริษัทผู้ผลิตหรือนำเข้า ATK แสดงข้อมูลที่บ่งบอกประสิทธิผลในส่วนนี้เพิ่มเติม