“อ.ธรณ์” ชี้ นักท่องเที่ยวถูกฉลามหัวบาตรกัด เพราะน้ำขุ่นจึงเข้าใจผิดคิดว่าคือเหยื่อ เผย ไม่ต้องกังวล ฉลามไม่จู่โจมสัตว์ใหญ่ ชี้กัดคนตายที่ไทยล่าสุดเมื่อ 50 กว่าปีก่อน
จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพนักท่องเที่ยวชายชาวเยอรมันเล่นน้ำในทะเลบริเวณหาดนางทอง ถูกปลาตัวใหญ่ไม่ทราบชนิดกัดบริเวณขาขวา มีแผลฉีกขาดและรอยฟันขนาดใหญ่ ก่อนจะถูกนำตัวไปรักษาบาดแผลในโรงพยาบาลเอกชนที่ จ.ภูเก็ต และถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นฉลามนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “มีรายงานว่ามีผู้ไปเล่นน้ำแถวหาดที่จังหวัดพังงา ถูกปลาไม่ทราบชนิดกัดเป็นแผล เมื่อดูจากบาดแผลแล้วเข้าใจว่าเป็นฉลาม น่าจะเป็นฉลามหัวบาตร ผู้โดนกัดได้รับการดูแลและนำส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วครับ โดยเหตุการณ์ฉลามกัดในไทยเกิดนานๆ ครั้ง เช่น ที่ภูเก็ต (ปี 60) ที่เขาเต่า (ปี 61) เกือบทุกครั้งถูกกัดที่ขาแต่ไม่สาหัส ฉลามที่กัดอาจเป็นฉลามหัวบาตร เพราะฉลามหูดำน่าจะเป็นรอยเล็กกว่านี้ และไม่ค่อยโจมตีสัตว์ใหญ่กว่า ฉลามจู่โจมอาจด้วยความเข้าใจผิด เพราะชายฝั่งน้ำขุ่น พอเห็นวูบก็นึกว่าเป็นเหยื่อ แต่เมื่อกัดแล้วรู้ว่าไม่ใช่ก็เลยหนีไป ฉลามหัวบาตรอาจพบได้ตามชายฝั่งทั้งอ่าวไทยและอันดามัน แต่ไม่บ่อยนัก
ไม่มีผู้ถูกฉลามจู่โจมจนเสียชีวิตอย่างเป็นทางการในทะเลไทยมากกว่า 50 ปีแล้ว ที่ผ่านมาในประเทศไทย ฉลามไม่เคยโจมตีรายอื่นซ้ำที่เดิม ยกเว้นเหตุการณ์นายแฉล้ม/ฝรั่ง เมื่อ 55+ ปีก่อน คำแนะนำคือไม่ต้องกังวลมาก ไม่ต้องทำข่ายกั้น ฯลฯ แต่ระวังไว้นิดหากลงน้ำตอนเช้าตรู่หรือตอนค่ำ/กลางคืน
ทั้งนี้ แต่ละปีทั่วโลกมีรายงานคนถูกฉลามจู่โจมเสียชีวิต 5-10 ราย แต่ฉลามถูกคนล่า 70+ ล้านตัว/ปี รู้จักฉลาม เข้าใจฉลาม และเลิกกินหูฉลามครับ “