สน.มีนบุรี สรุปสำนวนฟ้อง ทนายตั้ม โดยมี สน.ศาลาแดงเป็นผู้เสียหาย หลังปลอมลายเซ็นหลักฐานเท็จช่วยคดี เอมี่ อาเมเรีย
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้ทำการสรุปสำนวนฟ้องและยื่นฟ้อง ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ต่ออัยการโดยมีผู้เสียหายเป็นสน.ศาลาแดง ในคดีนำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจ สน.ศาลาแดง ไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดี น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือ เอมี่ อดีตนางเอกสาวชื่อดัง
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืยสวนคดีจนกระทั่งมีคำสั่งออกหมานจับของศาลได้ออกหมายจับนายษิทรา ตามมาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยนายษิทรา ถูกตำรวจจับกุมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี
สำหรับคดีดังกล่าวนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พ.ค.62 ด.ต.สิทธิศักดิ์ สุทธิประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง ผู้กล่าวหา ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวกรวม 4 คน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้ต้องหาที่ 1, นายอาคม คงสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 2, นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ ผู้ต้องหาที่ 3, นายทอมมี่ จาคอป ผู้ต้องหาที่ 4
ในฐานความผิด ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในการพิจารณาคดีอาญา ในกรณีแห่งข้อหาว่าผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
ซึ่งคดีดังกล่าว จากก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย จาคอป ในคดีร่วมกันครอบครองยาเสพติดฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดี หลังจากนั้นได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง ไปยังศาลจังหวัดมีนบุรี
และศาลจังหวัดมีนบุรี ได้มีคำสั่งลงโทษจำคุก นายปุณยวัจน์ฯ มีกำหนด 25 ปี ส่วน น.ส.อาเมเรีย ยกฟ้อง ในฐานความผิดร่วมกันครอบครองยาเสพติดฯ ต่อมามีการเสนอข่าวเรื่องมีการวิ่งเต้นล้มคดี และทำเรื่องมาตรา 100/2 ของ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ทำให้ผู้กล่าวหาในคดีนี้ได้ถูกดำ เนินการทางวินัยว่าได้มีการนำสำเนาบันทึกการจับกุม
ผู้ต้องหารายหนึ่ง พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 40,000 เม็ด โดย ด.ต.สิทธิศักดิ์ฯ เป็นผู้ร่วมจับกุม พร้อมด้วยสำเนา บัตรข้าราชการที่มีการรับรองสำเนาถูกต้องยื่นต่อศาลจังหวัดมีนบุรี แล้วให้ นายปุณยวัจน์ เบิกความว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลรายสำคัญ กับ ด.ต.สิทธิศักดิ์ จนเป็นเหตุให้มีการจับกุมนายศุภกิจ
ซึ่ง ด.ต.สิทธิศักดิ์ ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหานี้ และไม่เคยนำสำเนาบันทึกจับกุม นายศุภกิจ และสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการไปให้กลุ่มผู้ต้องหา แต่อย่างใด เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในความผิดฐานใช้ หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน
ขอบคุณข้อมูลจาก INNNEWS
ข่าวที่น่าสนใจ
สรุปตัวเลข ยอดฉีดวัคซีนโควิด 77 จังหวัด 11 มิ.ย. 64 รวม 5,667,058 โดส
โควิดวันนี้ หายป่วยเพิ่ม 5,711 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,290 ดับ 27 ราย
ทนายวัย 60 ปี เสียชีวิต ญาติเชื่อมีสาเหตุมาจากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า