สธ. แจงชัด ไม่เกี่ยวกับวัคซีน! ปม เด็ก 12 ปี เสียชีวิตหลังฉีด ‘วัคซีนไฟเซอร์‘ 1 เข็ม ชี้เกิดจากอาการเข่าอักเสบจากการติดเชื้อ ร่วมกับติดเชื้อในกระแสเลือด
นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณี เด็ก 12 ปี เสียชีวิตหลังฉีด “วัคซีนโควิด” ว่า จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีนเป็นเวลา 30 วัน จากการรวบรวมข้อมูลถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 มีการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น 120,009,906 โดส
พบมีผู้ที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์จาก “วัคซีนโควิด” ทุกชนิด ที่พบบ่อย ได้แก่ อาการไข้ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ได้แก่ อาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) 79 ราย, ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจ/เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ(Myocarditis/Pericarditis) 31 ราย, ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ 6 ราย
สำหรับกรณีเด็กชายอายุ 12 ปีที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 หลังฉีด “วัคซีนโควิด” ไฟเซอร์เข็มที่ 1 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 จากการสอบสวนโรคพบว่า หลังฉีด 30 นาที ไม่มีอาการผิดปกติ เมื่อกลับบ้านมีอาการไข้ และปวดเมื่อยตามตัว ปวดขาข้างซ้าย
จากนั้นวันที่ 28 มกราคม มีอาการปวดเข่า เดินไม่ถนัด เข้ารับการรักษาที่คลินิก แต่อาการไม่ดีขึ้น ปวดขาทั้งสองข้างและขาอ่อนแรงมากขึ้น จึงไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ตรวจพบมีไข้สูง ขามีรอยจ้ำเขียว ยกไม่ขึ้น ไม่พบรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน แพทย์สงสัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จึงส่งต่อโรงพยาบาลกระบี่ ได้รับยาปฏิชีวนะและสารน้ำทางเส้นเลือด อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง การเพาะเชื้อจากเลือดพบเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ซึ่งผลการพิจารณาโดยคณะผู้เชี่ยวชาญร่วมกับแพทย์ที่ดูแล สรุปว่า
ผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะเข่าอักเสบจากการติดเชื้อ ร่วมกับติดเชื้อในกระแสเลือด (Septic arthritis, septic shock) โดยไม่พบลักษณะของการติดเชื้อบริเวณที่ฉีดวัคซีน
และเมื่อพิจารณาประวัติ ร่วมกับข้อมูลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สรุปว่า ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนแต่เป็นเหตุการณ์ร่วมที่บังเอิญเกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน