หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจ ปปป. นำกำลังปฎิบัติการสายฟ้าแลบบุกเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดเฟส 2 ทั้งบ้านของอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) รวมถึง บ้านของเจ้าหน้าที่ พศ. และเครือญาติ ล่าสุด ตำรวจได้ทำหนังสือเชิญพระสงฆ์ 4 รูป ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มารับทราบข้อหา พร้อมยืนยันพระทั้ง 4 รูป ยังอยู่ในประเทศ และส่งสำนวนเฟส 2 ให้กับ ป.ป.ช.
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) พร้อมพนักงานสอบสวนได้สำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดเฟส 2 ส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา รวมทั้งสิ้น 23 คดี มีผู้ต้องหา 19 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท โดยคดีนี้เป็นการกระทำผิดที่เริ่มต้นจากข้าราชการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และประชาชนที่ทำหน้าที่ติดต่อวัด รวม 15 คน ได้จัดงบประมาณลงไปตามวัดต่าง ๆ และมีเจตนาทุจริต เบื้องต้นได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วทั้งหมด 6 คน ที่เหลือเป็นพระสงฆ์ 4 รูป ซึ่งในวันนี้ได้ออกหนังสือเรียก พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าคณะอำเภอชนแดน , พระราชรัตนมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม ย่านคลองสาน กรุงเทพฯ , พระเทพเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดกวิศราราม ต.ท่าหิน อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี และพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม ย่านบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ให้มารับทราบข้อกล่าวหาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง / ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ และฐานให้ความสะดวก สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด สำหรับพระเทพเสนาบดี เจ้าอาวาส วัดกวิศราราม ถูกเพิ่มข้อหา ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ อีก 1 ข้อหา
ทั้งนี้ ทาง ปปป. ได้ส่งหนังสือไปยัง มหาเถรสมาคม และ พศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของพระสงฆ์ ทั้ง 4 รูป เพื่อแจ้งความผิดทางอาญา หรือจะดำเนินการทางวินัยสงฆ์แล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่าพระสงฆ์ทั้งหมดยังอยู่ในประเทศ และหากยังไม่มาตามหมายเรียก ก็สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป