จากกรณีที่เกิดเหตุ ด.ช.เอ และ ด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ และ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 และ ป.4 ร.ร.แห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองศรีสะเกษ ได้พากันงัดหน้าต่างห้องเรียนชั้น ป.6 ร.ร.บ้านหนองม่วงหนองแต้ ต.พยุห์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเข้าไปเล่นในห้องเรียนและทำให้สื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ ภายในห้องเรียนได้รับความเสียหายพังยับเยินนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (17 มี.ค.60 เวลา 08.15 น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร.ร.บ้านหนองม่วงหนองแต้ ต.พยุห์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดเรียนเนื่องจากว่า คณะครู น.ร.พากันไปทัศนศึกษาที่ จ. อุบลราชธานี โดยที่ห้องเรียนชั้น ป.6 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุพบว่า มี นายกิตติศักดิ์ มณฑาทิพย์ อายุ 40 ปี นักการภารโรงของโรงเรียนและคณะกำลังช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดห้องเรียนที่ถูกทำลายพังเสียหาย บริเวณพื้นห้องมีการล้างสีที่เปรอะเปื้อนออก ส่วนบริเวณฝาผนังมีการเช็ดถูทำความสะอาด สื่อการเรียนการสอนบางส่วนยังสามารถใช้การได้ แต่ว่าบางส่วนถูกสีหมึกเลอะทำให้เสียหาย โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็สามารถทำความสะอาดห้องได้แล้วเสร็จ สามารถใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติแล้ว ขาดเพียงสื่อการเรียนการสอนเท่านั้น
ทางด้าน นายมนัส คันธชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ.หนองแต้ ได้นำสื่อมวลชนไปตรวจสอบสภาพครอบครัวของ ด.ช.เอ และ ด.ช.บี ซึ่งพบว่า สภาพครอบครัวของเด็กทั้ง 2 คนฐานะยากจน โดย ด.ช.เอ อาศัยอยู่กับป้า คือ นางบุญมี ส่วนพ่อแม่ไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.สระแก้ว ไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านนานแล้ว เมื่อป้าไปทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ตัว จ.ศรีสะเกษ ก็จะพักอาศัยอยู่กับยายคือ นางสุภีร์ อายุ 80 ปี และ น.ส.ภัณฑิสา อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นน้าสาว โดย น.ส.ภัณฑิสา แจ้งว่า ขณะนี้ได้จ่ายเงินให้กับทางโรงเรียนล่วงหน้าไปแล้ว จำนวน 5,000 บาท ส่วน ด.ช.บี อาศัยอยู่กับพ่อ คือ นายทองสุน ไม่ได้ทำงานอะไร ส่วนแม่ คือ นางประกายดาว กรรมกรก่อสร้างซึ่งรับค่าจ้างรายวันที่ อ.พยุห์ วันละ 250 บาทเลี้ยงครอบครัว
ขณะที่ นายมนัส คันธชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.พยุห์ กล่าวว่า จากการที่ตนเองตรวจสอบรายการค่าเสียหายที่ทาง ร.ร.เรียกร้องมาแล้วเห็นว่า ทางโรงเรียนเสนอรายการมาเพื่อที่จะซื้อใหม่ทั้งหมด แม้แต่พื้นห้องก็จะทำใหม่เป็นเงินกว่า 20,000 บาท คอมพิวเตอร์ 15,000 บาท ทีวี 6,000 บาท หนังสือเรียน 8,000 บาท และอื่น ๆ รวมแล้วกว่า 62,692 บาท เป็นค่าเสียหายที่สูงมากเกินไป เนื่องจากอุปกรณ์บางอย่าง เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี พื้นห้อง ยังคงพอใช้การได้เพียงแต่เปรอะเปื้อนสีเท่านั้น เช็ดทำความสะอาดก็คงพอจะใช้การได้เช่นเดิม ตนไม่อยากให้ทางโรงเรียนตึงมากเกินไป เพราะว่าเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบแม้แต่กฎหมายก็ยังไม่เอาผิด แต่ทางโรงเรียนอาจจะเห็นว่าเด็กทั้ง 2 คนไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนแห่งนี้จึงอาจจะเรียกร้องค่าเสียหายสูงมาก
นายมนัส ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า คิดว่าทางโรงเรียนควรที่จะดูสภาพข้อเท็จจริงว่า ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 คนฐานะเป็นอย่างไร เด็กทำผิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ควรที่จะเจรจาปรองดองกันไม่ควรที่จะฉวยโอกาสนี้ เรียกร้องค่าเสียหายที่สูงมาก เพราะว่าหากไม่ผ่อนสั้นผ่อนยาวก็อาจจะทำให้ชาวบ้านต่อต้านทางโรงเรียนได้ เนื่องจากในหมู่บ้านนี้เป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมด อีกทั้งชาวบ้านก็เข้าไปให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางโรงเรียนมาโดยตลอด หากครั้งนี้ ทางโรงเรียนตึงมากเกินไปโดยไม่ผ่อนปรนก็จะทำให้ขาดกันกับชาวบ้าน ตนเองจึงเกรงว่า ชาวบ้านจะพากันหันหลังให้โรงเรียนเพราะว่าเรื่องแค่นี้จะเอากันถึงตาย ชาวบ้านก็อาจจะไม่ให้บุตรหลานไปเรียนหนังสือ เพื่อเป็นการแอนตี้เรื่องนี้ก็ได้ โดยตนจะนำเรื่องไปประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเพื่อหาทางปรองดองร่วมกันต่อไป