สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ยังคงรุนแรง ไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างเนื่อง โดยเฉพาะภาคกลางวิกฤติหนัก ทั้งวัดทั้งตลาดจมน้ำ
เริ่มที่ จังหวัดพิจิตร ยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ที่ตำบลไผ่ท่าโพ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร แม่น้ำยมที่ล้นตลิ่ง ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ “ตลาดไผ่ท่าโพกลาง” ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ น้ำได้ท่วมบริเวณร้านค้าและถนนภายในตลาด ระดับน้ำ 15 ถึง 20 เซนติเมตร ผู้ประกอบการต้องนำโต๊ะมาตั้งเพื่อวางสินค้าป้องกันสินค้าเสียหายจากน้ำ และวางกระสอบทรายเป็นแนวยาวเพื่อเป็นทางเดินอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่จับจ่ายซื้อของ รวมไปถึงเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องของความสะอาดจากสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของสด เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เป็นต้น
สำหรับน้ำจากแม่น้ำยมที่เอ่อท่วมตลาดผ่าท่าโพ ขณะนี้ระดับน้ำทรงตัวแม้ว่าจะไม่มีฝนตกลงมาแต่เนื่องจากน้ำตอนบนยังมีปริมาณมากที่ไหลลงพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่อย่างไรก็ตามจากน้ำที่ท่วมบริเวณตลาดทำให้บรรยากาศของตลาดเปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นตลาดบกเหมือนกับตลาดทั่วไป แต่ปัจจุบันมีน้ำเข้าท่วมตลาด ทำให้ชาวพิจิตรเปลี่ยนชื่อเป็น “ตลาดน้ำไผ่ท่าโพ”
ส่วนจังหวัดอ่างทอง น้ำจากแม่น้ำน้อย เอ่อล้นเข้าท่วมวัดบางจักรและโรงเรียนวัดบางจักร หลังจากที่กรมชลประทานเร่งระบายน้ำเข้าทุ่ง ทางเทศบาลตำบลบางจัก ต้องระดมกำลังคนงานช่วยกันทำคันกั้นน้ำความยาวกว่า 500 เมตร แล้วใช้เครื่องสูบน้ำสูบออก เพื่อไม่ให้วัดเก่าแก่ของ จ.อ่างทอง ได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
นายชวลิต วิเศษสิทธิกุล นายกเทศมนตรี ต.บางจัก กล่าวว่า เรามาตั้งคันกั้นน้ำเพื่อให้พระภิกษุและสามเณรสามารถประกอบกิจของสงฆ์ได้ ความจริงเราได้สร้างแนวเขื่อนไว้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ปรากฎว่า ระดับน้ำของแม่น้ำน้อย กลับเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน วันละ 2-3 ซม. ซึ่งเมื่อดูแล้ว หากสถานการณ์น้ำยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ น้ำจะเอ่อล้นเข้าไปในสนามฟุตบอล และเข้าไปในชั้นเรียนของโรงเรียนวัดบางจักร ซึ่งจะส่งผลกระทบกับนักเรียนที่อยู่ในช่วงเปิดเทอมแล้ว
ขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยานั้น น้ำยังมีปริมาณมากและไหลแรง เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำที่ 2,697 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำที่สถานีชลมาตร C7A หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทองวัดได้ 8.96 เมตร
รวมบ้านเรือนราษฏรได้รับผลกระทบ ทั้งสิ้น 5 อำเภอ (5ชุมชน 36 ตำบล 121 หมู่บ้าน) จำนวน 3,849 ครัวเรือน รวมพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ ทั้งสิ้น 5 อำเภอ จำนวน 7,015 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อน 1,020 ราย รวมเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ ทั้งสิ้น 3อำเภอ จำนวน 22 บ่อ 79 กระชัง เกษตรกร 75 ราย
วันนี้ (30 ต.ค. 60) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทางกระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้าไปช่วยดูแลทุกพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยทั้ง 19 จังหวัดในภาคกลาง ได้นำสิ่งของบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นลงไปมอบให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยในเรื่องของการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
ซึ่งมวลน้ำมีปริมาณเท่ากับปี 2554 และส่วนที่มีน้ำท่วมสูง คือ ที่อยู่อาศัยที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ ในส่วนที่อยู่ด้านในคันกั้นน้ำยังมีบริมาณที่ท่วม แต่ยังไม่สูงมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงพื้นที่เข้าไปดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง
