“ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตส.ส.พลังประชาชน ยื่นฟ้อง “ชูวิทย์ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีจัดรายการทีวี 2 ช่องใหญ่ พาดพิงให้เข้าใจว่าเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด เอี่ยวค้ามนุษย์และฟอกเงิน
นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และ ส.ส.หลายสมัยพรรคพลังประชาชน มอบอำนาจให้ นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ มายื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายภาษิต หรือไก่ อภิญญาวาท , น.ส.พิชญทัฬห์ หรือไบรท์ จันทร์พุฒ ทั้งสามร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการ “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 และ ฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.วาด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
และอีกสำนวน ยื่นฟ้อง “นายชูวิทย์” , น.ส.อรชพร หรือมิ้นท์ ชลาดล ผู้ดำเนินรายการ “ชูวิทย์ตีแสกหน้า” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่องไทยรัฐทีวี และ บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ฐานความผิดเดียวกัน จากกรณีที่มีการกล่าวพาดพิงให้เข้าใจว่านายยงยุทธ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด หรือสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน หรือการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
นายอุดม โปร่งฟ้า” ทนายความรับมอบอำนาจของนายยงยุทธ เปิดเผยว่า ที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช นำคดีมายื่นฟ้องศาล เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเองที่ถูกกล่าวหาจากนายชูวิทย์ กับพวกที่พูดในรายการทั้ง2 ช่อง ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า นายยงยุทธ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด หรือสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน หรือการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความเท็จทำให้นายยงยุทธได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากเพราะความจริงแล้วสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด นายมิตติ ติยะไพรัช ลูกชายของ นายยงยุทธ ได้ร่วมกับเพื่อน ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2552 ซึ่ง นายยงยุทธ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้เป็นเจ้าของไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด แต่อย่างใด
นายอุดม” ทนายความของนายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ นอกจากจะฟ้องคดีอาญา 2 สำนวนแล้ว ในวันศุกร์ที่ 9 ก.พ. นี้ เวลา 11.00 น. เตรียมยื่นฟ้องคดีแพ่งจากการถูกละเมิดดังกล่าวอีก 2 สำนวนด้วยเช่นกันซึ่งเรียกค่าเสียหายสำนวนละ 100 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
สำหรับคดีที่ฟ้องยากที่จะไกล่เกลี่ยหรือถอนฟ้อง เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว จึงต้องการให้คดีเป็นบรรทัดฐานในการนำเสนอข้อมูลข่าวที่ต้องตรวจสอบถูกต้องและให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวถึงด้วย โดยขอฝากเตือนให้ระมัดระวังการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องด้วย มิเช่นนั้นก็สุดท้ายแล้วสื่อต้องถูกฟ้องคดี