รวบสองพี่น้องสมาชิก อบต. ขนยาบ้าเกือบล้านเม็ด ขณะเจ้าตัวให้การปฏิเสธอ้างแค่มาดูที่ดิน
ร.ท.ธนภัทร ปายแสง ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่พิเศษเทิง-เวียงแก่น จ.เชียงราย ได้รับแจ้งจะมีการลักลอบขนยาบ้าผ่านตามถนนสาย อ.เวียงแก่น-อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว จึงจัดชุดกำลังพลจำนวน 2 ชุดปฏิบัติการร่วมกับร้อย ทพ.3101 ฉก.ทพ.31 กองกำลังผาเมือง รวมทั้งประสานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้ง สภ.เชียงของ ฝ่ายปกครอง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ทำการลาดตระเวณเพื่อสกัดกั้น
ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการลาดตระเวณไปถึงบริเวณลานสีข้าวโพดแห่งหนึ่งที่มีโรงเก็บอยู่ภายใน พื้นที่บ้านทุ่งทราย ม.5 ต.เวียง อ.เชียงของ ได้พบชายจำนวน 2 คน ทราบชื่อภายหลังว่านายกันต์ธีร์ ธนัทติกุล อายุ 38 ปี โดยถือบัตรสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สะเนียน และนายมิตรชัย ธนัทติกุล อายุ 27 ปี ขับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน กง 5368 น่าน และยี่ห้ออีกซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บน 3557 พะเยา ตามลำดับเข้าไปจอดบริเวณโรงเก็บของดังกล่าวอย่างมีพิรุธ
เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปทำการตรวจสอบพบทั้งคู่กำลังช่วยกันยกกระสอบหลายใบที่อยู่บนหลังรถส่งต่อจากอีกคันไปยังอีกคันหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปดูพบบนกระบะหลังรถยนต์กระบะคันแรกมีกระสอบฟางสีลายหลากสีวางอยู่จำนวน 4 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบมีห่อยาบ้าบรรจุอยู่รวมจำนวน 76 ก้อน แต่ละก้อนบรรจุยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด รวมของกลางยาบ้าทั้งหมดจำนวน 760,000 เม็ด จึงจับกุมตัวทั้งคู่เอาไว้เมื่อสอบถามทราบว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน
จากนั้นนำตัวส่งร้อย ทพ.3101 อ.เชียงของ และทาง พ.อ.สัณธวัฒน์ วังศ์วัฒนะ หัวหน้า บก.ควบคุม.ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.) ที่ 3 พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ รอง ผบ.ฉก.ทพ.31 กองกำลังผาเมือง นายทัศนัย สุธาพจน์ นายอำเภอเชียงของ พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล ผกก.สภ.เชียงของ และหน่วยงานที่เกียวข้องร่วมกันสอบปากคำเบื้องต้นทั้งคู่ให้การปฏิเสธโดยนายกันต์ธีร์อ้างว่าเพียงแต่ไปดูที่ดินเพื่อหาซื้อเอาไว้ส่วนน้องชายอ้างว่าไปส่งพี่ชายเท่านั้น อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าไม่ปักใจเชื่อจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายทัศนัย กล่าวว่าเนื่องจากบุคคลที่ถูกจับกุมครั้งนี้เป็นคนที่ทำงานด้านท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายปกรองโดยตรง และในพื้นที่ก็มีผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในลักษณะเดียวกันอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงจะมีการแจ้งไปยังบุคคลต่างๆ ที่ทำงานด้านท้องถิ่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้เฝ้าระวังและไม่ให้กระทำความผิดเสียเองต่อไป