ศาลจังหวัดสิงห์บุรีนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหนุ่มพิการ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น จนต้องถูกจำคุกนานถึง 5 ปี วันนี้ศาลฎีกามีคำพิพาษายกคำร้อง ซึ่งหมายความว่านายพัสกร ต้องจำคุกต่อ เนื่องจากศาลไม่เชื่อพยาน หลักฐานใหม่ ที่ดีเอสไอ และกระทรวงยุติธรรมนำมาหักล้างกับหลักฐานเดิม
นางเสนาะ พร้อมนายสมชาย สิงคิ พ่อและแม่ของนายพัสกร สิงคิ ผู้พิการทางการได้ยินและการพูด ตกเป็นจำเลยในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นถึงกับร่ำไห้ เมื่อศาลจังหวัดสิงห์บุรี มีคำพิพากษายกคำร้อง หลังยื่นร้องขอความเป็นธรรม ว่า นายพัสกร ลูกชายตกเป็นแพะในคดี โดยพ่อและแม่ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่ศาลยกคำร้อง เพราะพวกเขามั่นใจว่าลูกชายเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้
https://youtu.be/TU6YJoRfOpg
ด้านนายคมหาญ ไปสุวรรณ์ ทนายความ นายพัสกร สิงคิ กล่าวว่า ประจักษ์พยานที่เรามีเป็นหลักฐานใหม่ ศาลฎีกาไม่เชื่อถือในเรื่องที่ผู้ต้องหาตัวจริง ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ไปสืบและจับตัวมาอาจมีผลประโยชน์ก็ได้ เพราะทางผู้ต้องหาได้พบกับนายพัสกรในเรือนจำ จึงทำให้ศาลเชื่อได้ว่า นายพัสกร น่าจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้ แต่ นายพัสกร ได้รับโทษมา 1 ใน 3 เข้าข่ายพักโทษได้แล้ว การตัดสินนี้ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดเพราะการรื้อฟื้นคดีอาญา ผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิ์ได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น แต่นายพัสกรก็คงภูมิใจที่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว สุดท้ายคือ เคารพในการตัดสินของศาล
ด้านพันตำรวจเอกดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับทีมข่าวไบรท์ ทีวี ว่า หลังการอ่านคำพิพากษาของศาลจังหวัดสิงห์บุรี กระทรวงยุติธรรมต้องนำคำพิพากษามาวิเคราะห์พร้อมกับหาข้อบกพร่องในสำนวนที่ยืนต่อศาลไป ว่า ตรงจุดไหนของสำนวนที่ทำให้ศาลยกคำร้อง อย่างไรก็ตาม คำตัดสินถือว่าเป็นที่สิ้นสุด
ขณะที่นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่าพยานที่ผู้ร้องนำมาสืบ ล้วนเป็นพยานหลักฐานที่เพิ่งหยิบยกขึ้นมากล่าว หลังเกิดเหตุเป็นเวลานานกว่า 2 ปี ย่อมมีโอกาสแต่งเติมเรื่องราวขึ้นให้ผิดไปจากความจริงได้ง่าย และยังมีพยานปากอื่นที่นำมาสืบก็ไม่ใช่ประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ศาลฎีกาจึงเห็นว่าผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานใหม่เพียงพอที่จะแสดงว่าผู้ร้องไม่ได้กระทำผิด นอกจากนี้ การที่ศาลฎีกามีคำพิพากษายกคำร้องขอรื้นฟื้นคดีใหม่ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรก แต่ก่อนนี้เคยมีคดีที่ศาลคำพิพากษายกคำร้องการขอรื้นฟื้นคดีใหม่ในชั้นศาลฎีกามาแล้ว สำหรับนายพัสกร หลังจากนี้ ก็ต้องถูกคุมขังตามคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำคุก 20 ปี
สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2551 ขณะที่ นายพัสกร ไปงานเลี้ยงฉลองงานบวช และหลังจากนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกันที่บริเวณนอกสถานที่จัดงาน พร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่จนมีผู้เสียชีวิต ต่อมาตำรวจได้เข้าจับกุม นายพัสกร ในความผิดข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุก 20 ปี จนเมื่อวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2556 พนักงานดีเอสไอ พร้อมด้วย ทนายความ นายพัสกร ได้เข้ายื่นหนังสือต่อศาลจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อขอให้รื้อคดีขึ้นมาใหม่โดยอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดี ซึ่งถ้าได้นำมาสืบในคดีอันถึงทีสุดนั้นจะแสดงว่า นายพัสกร ไม่ได้กระทำความผิด จนนำมาสู่การตัดสินคดีเป็นที่สิ้นสุดในวันนี้