เจ้าของคลีนิคเสริมความงามย่านบางบอนให้สัมภาษณ์กรณีถูกทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่า ก่อนพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจบางบอน
จากกรณีเฟซบุ๊ก “ปริมระตา ใจสุข” เจ้าของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งใน ซ.เพชรเกษม 69 โพสต์คลิปและภาพนิ่ง โดยระบุว่า โดนผู้หญิงคู่กรณีพร้อมกับพวกรุมทำร้ายร่างกายในวันที่เปิดคลินิก ซึ่งเธอระบุว่ามีทั้งผู้ชายและผู้หญิงรวม 8 คน เข้ามารุมทำร้ายร่างกายและกระชากเสื้อผ้าให้อับอาย
กระชากทีเผลอ
โพสต์โดย ปริมระตา ใจสุข เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2018
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับ น.ส.ปริมรตา ใจสุข อายุ 30 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวและเป็นผู้บาดเจ็บในกรณีนี้เปิดใจเล่าเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฟัง ว่า วันเกิดเหตุ (23 สิงหาคม) เป็นวันแรกที่เปิดร้าน ซึ่งคู่กรณีเป็นเจ้าของคลินิกอีกแห่งหนึ่งใน ซ.เพชรเกษม 63 พาพวกเป็นผู้หญิงหลายคน ผู้ชาย 1 คน มาที่หน้าร้าน พยายามหาว่าตนส่งสายเข้าไปสืบราคาคอร์สแต่ไม่เป็นความจริง เพราะคนที่ไปถามราคาคอร์ส เป็นลูกค้าที่ตนไม่รู้จัก และเพิ่งมาใช้บริการวันนั้นเป็นวันแรก แต่คู่กรณีไม่เชื่อ ตนจึงเชิญให้มาดูที่คลินิก ก่อนจะมาหาที่คลินิก โดยระหว่างนั้นตนกำลังประชุมสรุปงาน และพยายามเชิญเข้ามาข้างใน แต่คู่กรณีและเพื่อนไม่ยอมเข้ามา จึงไปยืนคุยกันตรงที่ประตู ซึ่งตนพยายามโทรศัพท์ติดต่อลูกค้าคนนั้น เพื่อให้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสายให้กับตน แต่ลูกค้าไม่ได้รับ ก่อนที่จังหวะเผลอ คู่กรณีจะกระชากศีรษะ และให้พวกรุมทำร้ายร่างกาย ทั้งตบศีรษะ กระทืบศีรษะ และท้อง ซึ่งภาพดับ จำอะไรไม่ได้ รู้ตัวอีกที เเฟนหนุ่มชาวต่างชาติ ถูกชายที่ใส่หมวกกันน็อคต่อย ขณะที่ตนเองก็ถูกกระชากถอดเสื้อผ้าขาด จนตนอับอาย
หลังเกิดเหตุลูกจ้าง 2 ใน 4 คนได้มาขอลาออกกับตนทันที โดยบอกว่ากลัวมาก ไม่กล้ามาทำงาน เหตุที่เกิดขึ้นกระทบทั้งร่างกาย จิตใจ รวมทั้งธุรกิจ เพราะว่าไม่มีลูกจ้างกล้ามาทำงานด้วย ยืนยันว่าแฟนคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลย่านวัดม่วง ซ.เพชรเกษม 63 เพราะตนและคู่กรณีเคยตกลงใจจะเปิดคลินิกเสริมความงามร่วมกันใน ซ.เพชรเกษม 63 โดยตนเองเป็นผู้ลงทุนเกือบ 2 ล้านบาท และจะให้คู่กรณีร่วมหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์ และหากผลประกอบการดีก็คุยกันว่าจะเพิ่มให้เป็น 40 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุตกลงทำธุรกิจร่วมกันไม่ได้ จึงตัดสินใจแยกย้าย แต่แฟนหนุ่มของคู่กรณีกลับมาข่มขู่ทำร้ายและขู่ฆ่าตน จนต้องย้ายมาทำคลินิกที่นี่ ขณะที่คู่กรณีก็ทำคลินิกเป็นของตนเอง
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สน.บางบอน หมดแล้ว และจะไปนำผลวินิจฉัยร่างกายและคลิปจากกล้องหน้ารถไปมอบให้ตำรวจในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.61) เวลา 14.00 น. ด้วย สำหรับอาการตอนนี้นิ้วก้อยบวม ช้ำ อักเสบและศีรษะกระทบกระเทือน ปวดหัวมาก และกลัวมาก
ด้าน พ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.บางบอน ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้เสียหาย และพยานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อเตรียมแจ้งข้อหาเบื้องต้นกับผู้ก่อเหตุว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บก่อน เพราะต้องรอผลวินิจฉัยจากแพทย์ที่รักษาประกอบการพิจารณาว่า จะต้องแจ้งเพิ่มเป็นข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้บาดเจ็บสาหัสเพิ่มหรือไม่ ซึ่งคดีนี้รู้ตัวผู้ก่อเหตุชัดเจนยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน ทั้งยืนยันไม่มีใครเป็นผู้มีอิทธิพล หากผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีไม่มีละเว้น