พายุฝนทำต้นไม้พะยูงล้มทับบ้านมานาน 3 เดือน แต่เจ้าของบ้านไม่กล้าตัดเพราะกลัวผิดกฎหมายถูกดำเนินคดี สุดท้ายต้องย้ายไปอาศัยอยู่กับลูกแทน ล่วงเลยจนป่านนี้ ยังไม่มีคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วิงวอนเร่งช่วยแก้ไข
กรณีเกิดพายุพัดต้นไม้พะยูงโค่นล้มทับบ้านได้รับความเสียหายตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ไม่กล้าตัดเพราะกลัวผิดกฎหมาย ถูกจับ และได้แจ้งไปทุกหน่วยงานแต่ยังไม่มีคำตอบ ล่าสุด นางหนึ่งฤทัย สารภัคดี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 4 ต.หัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ผู้เดือดร้อน ระบุว่า จนถึงขณะนี้ เป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้ว ที่บ้านพัง จากกรณีต้นไม้พะยูงล้มทับ และยังพาดสายไฟส่งผลให้ไฟฟ้าดับมานานเกือบ 3 เดือนแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ในสภาพเดิมตั้งแต่เกิดเหตุ เพื่อรอคำตอบจากผู้ใหญ่บ้านแต่ก็ยังไร้วี่แวว ส่วนตัวก็อพยพไปอาศัยอยู่กับลูก ๆ แทน พร้อมเล่าว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2560 ขณะที่ตน กับสามี และหลานชายวัย 6 ขวบ อยู่ภายในบ้าน เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมแรง ทันใดนั้นต้นไม้พะยูงที่อยู่ข้างบ้านต้านแรงลมไม่ไหว เกิดโค่นล้มลงมาทับหลังคาบ้าน เกี่ยวสายไฟจนขาด หลังจากพายุสงบมีหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบและบอกกับตนว่า อย่าพึ่งตัดไม้ออกไป เพราะเป็นไม้หวงห้าม ให้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านก่อน จากนั้นตนได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและได้ไปแจ้งธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งติดจำนองที่ไว้ ทางธนาคารได้บอกว่าไม่มีสิทธิ์ออกเอกสารให้ได้ เนื่องจากเป็นการรับจำนองที่ดินเท่านั้น ผู้ใหญ่บ้านได้บอกว่า ได้เข้าไปแจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรมและแจ้งที่ป่าไม้จังหวัดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบกลับมา
ล่าสุด องค์การบริหารส่วนตำบลหัวงัว ได้นำไม้และสังกะสีมาให้เพื่อซ่อมแซมบ้าน แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ จึงวิงวอนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งเข้ามาช่วยเหลือ เพราะต้องการที่จะกลับมาซ่อมแซมบ้านให้กลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ
