ภายหลังจากนายกเทศบาลตำบลราไวย์ สั่งระงับการก่อสร้างบ้านหรูบนจุดชมวิวอ่าวเสน จังหวัดภูเก็ต แล้ว หลังพบก่อสร้างผิดแบบ และก่อสร้างเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต จนกลายเป็นกระแสถูกสังคมโซเชียลโจมตีอย่างหนักว่าสร้างได้อย่างไร
กลายเป็นกระแสต่อเนื่องจากเพจดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” เปิดเผยล่าสุดว่า หากกระแสดังกล่าวเงียบลงเพราะแก้เขินชาวโซเชียลคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะสิ่งที่คาใจสังคมตอนนี้ยังมีอยู่ว่า การก่อสร้างที่เกิดขึ้นนั้น มีลักษณะที่ตั้งติดทะเล หน้าผาสูงชัน สร้างติดถนนมาก ออกเอกสารสิทธิ์มาได้อย่างไรไม่แน่ชัด เป็นต้น ซึ่งทางเทศบาลแจ้งว่า เมื่อผู้ก่อสร้างนำเอกสารที่ดิน แบบการก่อสร้างมายื่น ขออนุญาตก่อสร้างเป็นบ้านพักที่อยู่อาศัย จำนวน 4 หลัง 3 ชั้น ซึ่งทางนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายสมทรง แซ่ตั้ง ผอ.กองช่างเทศบาลตำบลราไวย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ดิน และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 แล้วพบว่า สามารถที่จะก่อสร้างได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่เมื่อมีการร้องเรียนทางเทศบาลได้ให้ทางเจ้าหน้าที่กองช่างลงไปตรวจสอบว่ามีการก่อสร้างตามแบบที่ทางเทศบาลอนุญาตไปหรือไม่ ปรากฏว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมผิดแบบ เช่น อาคารโรงจอดรถ นอกจากนี้ ยังพบว่าอาคารหนึ่งที่ก่อสร้างติดถนนไม่ย่นระยะตามกฎหมายกำหนดจากกึ่งกลางถนนไป 6 เมตร และมีการสร้างอาคารเพิ่มด้านล่างอีก 2 หลัง ทางเทศบาลจึงได้สั่งให้ระงับการก่อสร้างทั้งหมดไว้ก่อน และให้รื้อถอนอาคารที่สร้างเพิ่มเติมมาโดยไม่ขออนุญาตทันที และแก้ไขตัวอาคารให้ห่างจากถนนตามระยะย่นที่กฎหมายกำหนดก่อน ถึงจะอนุญาตให้ก่อสร้างได้ตามแบบที่ขอมา
นายอรุณ กล่าวว่า หลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าอาคารทั้ง 4 หลังที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง มีบางส่วนที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตจากเทศบาลฯ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 บริเวณที่มีการก่อสร้างนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต แต่สามารถปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องได้ โดยจะสั่งระงับการก่อสร้างไว้ทั้งหมดก่อน และให้เจ้าของมาดำเนินการปรับปรุงแบบยื่นต่อเทศบาลตำบลราไวย์ใหม่ ให้ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่วนที่ 2 หากพบว่ามีอาคารบางหลังที่ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบที่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องได้จะสั่งให้รื้อถอนส่วนที่ไม่สามารถแก้ไขได้ออกภายใน 30 วัน
ขณะที่นายเกษม สุขวารี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การตรวจสอบพื้นที่ในวันนี้เป็นการตรวจสอบว่า พื้นที่มีการอนุญาตก่อสร้างโดยเทศบาลตำบลราไวย์ ถูกต้องตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ จ.ภูเก็ต หรือไม่ โดยกรณีนี้เป็นการขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยซึ่งไม่อยู่ในข่ายที่ต้องทำรายงานผลกระทบ แต่เนื่องจาก จ.ภูเก็ตเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลราไวย์จะต้องนำประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปบังคับใช้ เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างอยู่ติดบริเวณทะเล
ด้านนายช่างรังวัดชำนาญงาน กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของเอกสารสิทธิ์ว่า ผู้ครอบครองอ้างสิทธิ์ตามโฉนดที่ดินและนำมาแสดง ซึ่งจากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินกับพื้นที่การก่อสร้าง พบว่าพื้นที่การก่อสร้างดังกล่าวตรงกับตำแหน่งของโฉนดที่ดินของผู้ครอบครองซึ่งรายละเอียดอื่นๆ เรื่องที่มาโฉนดหรือ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเอกสารสิทธิ์ที่ยื่นขออนุญาติปลูกสร้างอาคาร นั้นเดิมทีอยู่ในโฉนดที่ดินเลขที่ 96799 เนื้อที่ 30 ไร่ 3 งาน 59.1 ตารางวา ออกเมื่อ 10 สิงหาคม 2553 และมีการแบ่งแยกในภายหลังเป็น 4 แปลง ซึ่งมีแปลงคงเหลืออีก 1 แปลง รวมประมาณ 5 แปลง 5 โฉนด ส่วนแปลงที่เป็นข่าวนั้นอยู่ในแปลงเลขที่ดินซึ่งเป็นจุดทางโค้ง ซึ่งแปลงดังกล่าวได้ถูกแบ่งแยกมาเป็นโฉนด เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 5 ตารางวา เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2559 ทั้งนี้ รายชื่อผู้ครอบครอง ปัจจุบัน ได้ซื้อต่อมาจากผู้ครอบครอบรายเดิมเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ก่อนจะมีการก่อสร้าง ซึ่งทราบว่าจะสร้างเป็นบ้านพักอากาศ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลตำบลราไวย์ ได้เข้าติดคำสั่งระงับการก่อสร้างและคำสั่งให้รื้อถอนบางส่วนออกแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการออกคำสั่งให้รื้อถอนแล้วก็ตาม ก็ยังคงสร้างข้อกังขาให้กับชาวเน็ตว่า การสร้างอาคารที่ผิดแบบ ทำไมถึงมีการลงโทษสถานเบา ในเมื่อการก่อสร้างดังกล่าว หากไม่มีผู้ตรวจสอบก็คงเป็นการก่อสร้างที่เป็นการทำลายสภาพแวดล้อม ซึ่งผิดกฎหมาย