“ช้างศึก” ทีมชาติไทย ได้เฮเต็มเสียงเมื่อเอาชนะในการดวลจุดโทษเหนือเบลารุส 5-4 หลังเสมอกัน 90 นาที 0-0 ครองแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ เป็นสมัยที่ 15 และเป็นแชมป์รายการแรกที่ มิโลวาน ราเยวัช คุมทีมชาติไทย อย่างเป็นทางการ
การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 45 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่เอาชนะ เกาหลีเหนือ 3-0 ลงสนามพบกับทีมชาติเบลารุส ที่เอาชนะจุดโทษ บูร์กินาฟาโซ 3-0 หลังเสมอกันในเวลา 90 นาที 0-0
เกมนี้ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย วางผู้เล่นชุดเดิมในเกมที่ชนะ เกาหลีเหนือ 3-0 ในระบบการเล่น 4-2-3-1 เริ่มจาก กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นผู้รักษาประตูกัปตันทีม กองหลังวาง อดิศร พรหมรักษ์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์ และ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา เป็นแผงแบ็กโฟร์ ส่วนกองกลางคุมเกมส่ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ สนับสนุนแนวรุกอย่าง สรรวัชญ์ เดชมิตร, มงคล ทศไกร และ ธีราทร บุญมาทัน เพื่อสนับสนุน อดิศักดิ์ ไกรษร ไล่ล่าประตูเช่นเคย
ขณะที่ อีกอร์ ครูซเซนโก้ เฮดโค้ชของทีมชาติเบลารุส เปลี่ยนตัวผู้เล่นจากเกมที่เจอ บูร์กินาฟาโซ 9 ตำแหน่งแต่ยังคงทีเด็ดทั้ง ซาวิทสกี้ ปาเวล และ อันซิลเลาสกี้ ดัซมิททรี
ครึ่งแรกทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมแลกกันอย่างสนุกแต่ทำได้เพียงหวาดเสียวเท่านั้น หมดครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังก็ยังเป็นทั้งสองทีมก็เล่นอย่างสมศักดิ์ศรีคู่ชิงแต่ยังไม่มีทีมไหนทำอะไรกันได้เลย หมดเวลาทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0 ต้องดวลจุดโทษตัดสินโดย “ช้างศึก” เอาชนะไปอย่างลุ้นระทึก 5-4 คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ สมัยที่ 15 ได้สำเร็จ
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดต่อไปของทีมชาติไทย จะลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 3 กับทีมชาติอิรัก ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 31 สิงหาคม 2560 เวลา 19.00 น.
ขอขอบคุณภาพข่าวจากเฟซบุ๊ก ฟุตบอลทีมชาติไทย