จากข่าว ไทเกอร์ วูดส์ อดีตนักกอล์ฟเบอร์ 1 ของโลก ชาวอเมริกัน กลับมาสู่เส้นทางการคว้าแชมป์อีกครั้งหลังจากห่างหายจากความสำเร็จไปนานกว่า 5 ปี หลังคว้าแชมป์ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ได้สำเร็จ เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.)
ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีที่แล้วคนทั้งโลกจับตามองกับเด็กหนุ่มนักกอล์ฟที่มากความสามารถที่ชื่อ “ไทเกอร์ วูดส์” เขาคือนักกอล์ฟผิวสีคนแรกที่คว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ที่มีอายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น
ปีทองของนักกอล์ฟลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อยู่ในช่วงปี 2000 เนื่องจากเขาสามารถคว้าแชมป์ เมเจอร์ ได้ครบทั้งสี่รายการ (เดอะ มาสเตอร์ส 1997, ยูเอส โอเพ่น 2000, ดิ โอเพ่น 2000, พีจีเอ แชมเปียนชิพ 1999)
ไม่เพียงเท่านั้นในปีดังกล่าว นักกอล์ฟเจ้าของฉายา พญาเสือ ยังคว้าแชมป์พีจีเอ ทัวร์ ได้ถึง6 รายการติดต่อกัน ทำสถิติไปเทียบเท่ากับ เบน โฮแกน ตำนานนักกอล์ฟชาวสหรัฐ ที่เคยทำได้เมื่อปี 1948 จากการคว้าแชมป์มากมายในปีนี้ ส่งผลให้เขาได้รับเลือกให้เป็นนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปีของนิตยสาร “สปอร์ตส์ อิลลัสเตรท” แม็กกาซีนกีฬาชื่อดังระดับโลก
หลังจากนั้นผ่านไป 8 ปี ไทเกอร์ วูดส์ ก้าวขึ้นสู่เจ้าพ่อวงสวิงอย่างไม่มีใครสงสัย ด้วยการคว้าแชมป์ในระดับเมเจอร์ได้ถึง 11 รายการ, นักกอล์ฟยอดเยี่ยมของพีจีเอ 10 สมัย (ปี 2001, 2002, 2003, 2005, 2006, 2007, 2009) ผู้เล่นยอดเยี่ยมของพีจีเอทัวร์ 7 สมัย (ปี 2001, 2002, 2003, 2005, 2006, 2007, 2009) นักกอล์ฟทำเงินสูงสุดของพีจีเอทัวร์ 7สมัย (ปี 2001, 2002, 2005, 2006, 2007, 2009), วาร์ดอน โทรฟี 7สมัย (ปี 2001, 2002, 2003, 2005, 2007, 2009), ไบรอน เนลสัน อวอร์ด 7 สมัย (ปี 2001, 2002, 2003, 2005, 2006, 2007, 2009) และ เฟดเอ็กซ์ คัพ แชมเปียน 2 สมัย (ปี 2007, 2009)
แต่ชีวิตคนเราใครจะรู้ เมื่อเข้าสู่ปี 2010 จากดาวที่อยู่บนฟ้า ร่วงลงมาสู่ดินอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเจอข่าวในแง่ลบว่า เขาติดเซ็กส์ และยังถูกแฉว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงถึง 121 ราย จากข่าวดังกลาวทำให้เขาต้องแยกทางกับ เอลิน นอร์เดเกรน ภรรยาชาวสวีเดนที่ใช้ชีวิตร่วมกันตั้งแต่ปี 2004 และมีลูกด้วยกัน 2 คน ก่อนที่เขาจะตกจากการเป็นนักกอล์ฟมือ 1 ของโลก ที่ครองมานานกว่า 8 ปี
เข้าสู่ปี 2011-2012 ไทเกอร์ มีฟอร์มที่ตกไปอย่างน่าใจหาย โดยไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆได้เลย ท่ามกลางกระแสข่าวฉาวที่มากมาย ทั้งติดเซ็กส์ และติดแอลกอฮอล์
แต่ในปี 2013 เดอะไทเกอร์ เหมือนจะกลับใจได้ เมื่อเขา ลบภาพเลวร้ายทุกอย่างและกลับมาคว้าแชมป์ พีจีเอทัวร์ ได้ 5 รายการตลอดปี และกลับขึ้นสู่ มือ 1 ของโลก อีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาฝันว่าเขาจะกลับมาครองเบอร์ 1 ของโลกให้ได้นานเหมือนก่อน
แต่เหมือนทางที่เขาฝันไว้จะไม่เป็นไปตามที่หวังเมื่อเขาต้องพบเจอกับอาการบาดเจ็บในปี 2014 เขาได้รับบาดเจ็บบริเวณหลังจนต้องเข้ารับการผ่าตัด โดยในระยะ 3 ปี (2015-2016) เขาเข้ารับการผ่าตัดที่หลังถึง 3 ครั้ง จนมีข่าวลือว่าเขาจะไม่สามารถกลับมาโชว์วงสวิงได้อีกแล้ว
วูดส์ พักรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ลงเล่นทุกรายการเป็นเวลา 15 เดือน ส่งผลให้อันดับโลกของเขาตกไปอยู่ที่อันดับ 674 ของโลก
ในระหว่างที่เขากำลังต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ และปัญหาในชีวิตต่างๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากคนที่ผ่านประสบการณ์ที่คล้ายกัน ไมเคิล เฟลป์ส อดีตนักกีฬาว่ายน้ำ เจ้าของ 23 เหรียญทองโอลิมปิก
ในเวลานั้นคงไม่มีเข้าใจสถานการณ์ของไทเกอร์ได้ดีไปกว่าเฟลป์ส เพราะนักว่ายน้ำระดับตำนานอย่างเฟลป์สก็เคยถูกจับข้อหาเมาแล้วขับเมื่อปี 2014 และถูกสมาคมว่ายน้ำของสหรัฐฯ สั่งห้ามลงแข่งขันเป็นเวลา 6 เดือน และจากคำบอกเล่าของเพื่อนไทเกอร์ การพูดคุยกับเฟลป์สเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ก็ช่วยส่งต่อวิธีการคิดในช่วงมรสุมชีวิตได้ไม่น้อย
ในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2017 เขากลับมาลงเล่นได้อีกครั้งในรายการ “โอเมกา ดูไบ เดสเสิร์ต คลาสสิค” ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ด้วยการห่างหายจากสนามไปนาน รวมถึงการพักฟื้นที่ยังไม่มากพอ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง จนต้องถอนตัวไปกลางคัน และเข้ารับการผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่ 4
จนกระทั่งปลายปี 2017 ไทเกอร์ วูดส์ กลับสู่พื้นหญ้าสีเขียวอีกครั้ง ในศึกฮีโร เวิลด์ แชลเลนจ์ ที่บาฮามาส ก่อนจบด้วยการคว้าอันดับ 9 ร่วม
เมื่อก้าวสู่ปี 2018 เดอะไทเกอร์ ค่อยๆทำผลงานของตัวเองได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งก้าวมาคว้าแชมป์ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ในบ้านเกิดของตัวเองได้สำเร็จ เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) เป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 5 ปี
โดยเจ้าตัวเปิดใจว่า “การได้ขึ้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้อีกครั้ง เป็นหนึ่งในก้าวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยมีมาก็ว่าได้ หากพิจารณากับสิ่งที่เจ้าตัวต้องเจอมา ผมพยายามสู้อย่างเต็มที่ ผมทำงานอย่างหนัก ผมรักทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นที่นี่”
“การกลับมาเล่นกอล์ฟได้ไม่เคยอยู่ในความคิดผมเลย ผมคิดแค่ว่า จะทำยังไงให้หายจากความเจ็บปวดนี้ และกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างไร?” โปรกอล์ฟวัย 42 ปีกล่าว
สุดท้ายแล้วต้องมาดูกันว่าอนาคตการเป็นโปรกอล์ฟของ “พญาเสือ” จะไปในทิศทางใด จะดีขึ้นสู่จุดที่เคยยืน หรือว่าจะกลับลงดิ่งเหมือนหลายปีที่ผ่านมา แต่ในฐานะของแฟนกีฬาคนหนึ่งก็ขอภาวนาให้เจ้าตัวต่อยอดความสำเร็จในครั้งนี้ และก้าวกลับมาเป็นมือ 1 ของโลกได้อีกครั้ง
ขอบคุณ : BrandThink, thestandard,
