สนาม ช้าง อารีนา รังเหย้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลุ้นเตรียมรับหน้าเสื่อสนามแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 รอบสุดท้าย ในช่วงเดือนมกราคม 2563 เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือก ในการเลือกสนามที่จะมาทดแทน สนาม สมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่
โดย AFC สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย พร้อมด้วยคณะทำงานได้เดินทางมาตรวจสอบความพร้อมของสนาม ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562
เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือก ในการเลือกสนามที่จะมาทดแทน สนาม สมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ในช่วงเดือนมกราคม 2563
เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เผย “ทุกอย่างที่เป็นมาตรฐานของเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ช้าง อารีนา มีพร้อมหมดอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่อาจจะเป็นปัญหาและต้องปรับปรุงก็คือ ปกติ ช้าง อารีนา เรามีห้องแต่งตัวนักกีฬาแค่ 2 ห้อง แต่วันนี้ เมื่อเอเอฟซี ต้องการให้มีสี่ห้อง เราก็พร้อมที่จะสร้างอีก 2 ห้องให้ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของ มาตรฐานเอเอฟซี ซึ่งทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา และก็จะทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จเพื่อฟุตบอลไทยอะไรเราก็ทำได้”
“เต็มที่ก็ไม่เกินหนึ่งเดือน ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย มั่นใจว่าไม่มีอะไรที่บุรีรัมย์ ทำไม่ได้ ถ้าบุรีรัมย์จะทำ ผมคิดว่าการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ใหญ่ และสำคัญสำหรับวงการฟุตบอลไทย ผมเชื่อว่าแฟนบอลจะให้ความสนใจและเข้าชมการแข่งขัน และเพื่อติดตามมาตรฐานของฟุตบอลระดับเอเชีย”
สำหรับสนาม ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นหนึ่งในสาม สนาม ที่มีสิทธิ์จะถูกเลือกมาใช้แทนที่สนาม สมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ เช่นเดียวกับ สนาม ลีโอ สเตเดียม ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ สนาม เอสซีจี สเตเดียม ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งสองสนามหลัง ทาง AFC ได้มีการเดินทางไปตรวจมาแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ทางฝ่ายจัดการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) จะเดินทางไปตรวจสนามซ้อม ภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 21 กันยายน 2562 ต่อด้วย สนาม ติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา, สนาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ตามลำดับ ก่อนจะมีการประชุมเพื่อเลือกสนามอีกครั้ง และจับสลากแบ่งสายการแข่งขันต่อไป.