ปิดฉากรูดม่านไปเรียบร้อยสำหรับ เอเชียนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เจ้าเหรียญทองตกเป็นของ นักกีฬาทีมชาติจีน ส่วนในอาเซียนที่ทำผลงานโดดเด่นนั่นคือ อินโดนีเซีย เจ้าภาพในครั้งนี้
ส่วนทีมชาติไทย ผิดหวังไม่สามารถทำตามเป้าหมาย คว้ามาได้ 11 เหรียญทองเท่านั้น ทั้งที เอเชียนเกมส์ ที่ผ่านมา ทีมชาติไทยยังสามารถผงาด ยืนเทียบรุ่นในเอเชียได้อย่างน่าชื่นใจ
กระแสกีฬาไทย กำลังถูกสังคมตั้งคำถามว่า ถึงยุคขาลง หรือกำลังถอยหลัง เพราะ กีฬาที่เป็นความหวังเหรียญทอง อย่างมวยสากล ยกน้ำหนัก แบดมินตัน ปรากฎว่า เอเชียนเกมส์ปีนี้ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า และหากจะตั้งคำถามอีกครั้งถึงเอเชียนเกมส์ปีนี้ ความนิยมของคนดูก็ต้องบอกว่า ไม่ขลัง และไม่ปัง เหมือนอดีตที่ผ่านมา เมื่อต้องเปลี่ยนมือ กลายเป็นผลประโยชน์ในมือของผู้ประกอบการดิจิทัล แทน
ถ่ายทอดสดไม่ปัง พังยันนักกีฬา
หากมองย้อนไปการรับชมถ่ายทอดสดเอเชียนเกมส์ ทุกสายตาจะรอเฝ้ารอดูผ่านช่อง NBT และหมุนเวียนไปตามช่อง 3 5 7 9 การโปรโมทเพื่อกระตุ้นให้คนไทยรวมเชียร์กีฬาไทยสรางความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ทั้งประเทศ แต่ เอเชียนเกมส์ 2018 ครั้งนี้เปลี่ยนไปเมื่อลิขสิทธิ์ตกเป็นของ เวิร์คพอยท์ ได้ทำหน้าที่แพร่ภาพการแข่งขันในชนิดกีฬาเพียงช่องเดียว
การก้าวเข้ามาของ เวิร์คพอยท์ เพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอด เอเชียนเกมส์ 2018 ก็เพื่อต้องการขยายฐานผู้ชมให้มากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนดูกีฬา เนื่องจาก ทีวีพูล ที่เคยผูกขาดยังไม่สนใจข้อเสนอ ทำให้เวิร์คพอยท์คว้าสิทธิ์เพียงผู้เดียว แต่ติดปัญหากฎ Must Have ของ กสทช. ที่ระบุชัดเจนกีฬาเอเชียนเกมส์ต้องออกอากาศทางฟรีทีวี เพื่อให้นักกีฬาไทยที่แข่งขันได้มีการเผยแพร่อย่างทั่วถึง ทำให้เวิร์คพอยท์วิ่งหาทีวีดิจิทัลช่องอื่นๆ ก่อนมาลงเอยกับ พีพีทีวี
แต่ด้วยความนิยมยังเป็นของช่อง 3 ช่อง 7 ทำให้กองเชียร์ และผู้ชม เข้าถึงได้ยาก เพราะการโปรโมทส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ช่องเวิร์คพอยท์เท่านั้น ผิดแปลกจากสมัยก่อนที่ ทีวีพูล ได้ลิขสิทธิ์จะโหมโรงโปรโมตช่อง 3 5 7 9 และNBT ก่อนมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์จะเริ่ม 1 เดือน ทำให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาไทยอยู่เป็นระยะ
ดังนั้น ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อคนดู เพราะเมื่อขาดแรงกระตุ้น ขาดการโปรโมท ทำให้การเข้าถึง และการรับรู้ ของคนดูย่อมลดลงตามไปด้วย
จับตา ซีเกมส์ 2019 ใครได้สิทธิ์ถ่ายทอดสด
หากเทียบกันแล้วกีฬาซีเกมส์ จะได้รับความนิยมมากกว่าเอเชียนเกมส์ เพราะไทยเป็นเจ้าเหรียญทองมาโดยตลอด ผิดกับเอเชียนเกมส์ที่การได้เหรียญทองยากยิ่งขึ้นเพราะชาติอื่นๆมีความตื่นตัว การพัฒนาตนเองสู่ระดับสากลแบบไฮสปีด
ด้วยการเข้าถึงกีฬา ซีเกมส์ ที่ง่ายและไวทำให้ช่องทีวีดิจิทัลเตรียมจับจ้องเก้าอี้ เพื่อเรตติ้งผลตอบรับโฆษณาอันมหาศาล แต่ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์อยู่ในมือของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ต้องมารอลุ้นกันว่าค่ายยักษ์ใหญ่ หรือน้องใหม่แห่งทีวีดิจิทัลจะได้รับบทบาทสำคัญในซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์
มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาล และคนในชาติ ต้องรวมพลังอีกครั้ง เพื่อกระตุ้น พร้อมส่งแรงเชียร์ ให้ทัพนักกีฬาไทย ตื่นจากการหลับใหล ทวงเหรียญทองคืนมาให้ประเทศไทย…