นีล เอเธอริดจ์ นายทวารชาวฟิลิปปินส์รายนี้กำลังจะได้เล่นฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในวันเสาร์นี้ ที่ คาร์ดิฟ ซิตี้ น้องใหม่เวที พรีเมียร์ลีก จะบุกไปเยือน บอร์นมัธ เพื่อเป็นการร่วมแสดงความยินดีกับนักเตะอาเซียนคนแรกในลีกสูงสุดของอังกฤษ เราไปทำความรู้จักกับนายทวารรายนี้กันดีกว่า ว่ากว่าจะมายืนในจุดนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง ขอบอกว่าดราม่าสุดๆ
เอเธอริดจ์ เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1990 เป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ฟิลิปปินส์ มีคุณพ่อเป็นชาวอังกฤษแท้ๆ ส่วนคุณแม่เป็นฟิลิปปินส์ โดยเขาเกิดและโตที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งด้วยวัย 13 ปี โดยการเป็นเด็กในอะคาเดมี ของ เชลซี ตอนนั้นเขาเริ่มเล่นในตำแหน่ง กองหน้า ก่อนถูกโค้ชของ เชลซี จับไปเล่นเป็นผู้รักษาประตู
อีก 2 ปีถัดมา เขาถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปี ก่อนมีโอกาสได้ลงเล่รให้ทีม 1 นัด ในเดือนพฤษจิกายน 2005
ในปี 2006 เอเธอริดจ์ ในวัย 16 ปี ตัดสินใจย้ายออกจากสโมสร เชลซี ไปอยู่กับ ฟูแล่ม และเซ็นต์สัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ ฟูแล่ม ในอีก 2 ปีถัดมา แต่ยังเป็นเพียงนักเตะของทีมสำรองก่อนถูกปล่อยยืมอีกหลายครั้งกับทีม ชาร์ลตัน และ บริสตอล โรเวอร์ส ตลอด 6 ปีกับ ฟูแล่ม นายทวารฟิลิปปินส์ ทำได้ดีสุดใน พรีเมียร์ลีก คือการมีชื่อเป็นตัวสำรองนั่งดูเพื่อนเล่นอยู่ข้างสนาม
ปี 2007 ทีมชาติ ฟิลิปปินส์ ได้ขอร้องให้ เอเธอริดจ์ เลือกเล่นทีมชาติ ฟิลิปปินส์ แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลทางด้านภาษา ก่อนที่ในปี 2008 เจ้าตัวจะเปลี่ยนใจเลือกเล่นให้กับ ฟิลิปปินส์
ในฤดูกาล 2011/12 ได้รับโอกาสในการลงเล่นให้ ฟูแล่ม ในเกมยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่มที่พบกับ โอเดนเซ แต่เกมนั้นเขาเสียประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังทำให้ ฟูแล่ม กระเด็นตกรอบไป
ในปี 2013 เขาถูก ฟูแล่ม ปล่อยตัวออกจากทีมกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดอยู่ประมาณ 5 เดือน ก่อนถูก โอลด์แฮม ดึงตัวไปร่วมทีมในเดือนตุลาคม โดยเขาเคยเล่าว่า ช่วงเวลานั้นแสนลำบาก เขาขายทั้งรถ และบ้านในอังกฤษไป และถ้าไม่ได้รับสัญญาจาก โอลด์แฮม อีกประมาณ 1 สัปดาห์ เขาคงเก็บข้าวของกลับ ฟิลิปปินส์ ไปแล้ว
ปี 2015 เอเธอริดจ์ ย้ายทีมอีกครั้งไปอยู่กับ วอลซอลล์ ที่นี่เจ้าตัวได้รับโอกาสจากทีมมากที่สุดในอาชีพการค้าแข้ง โดยตลอด 2 ฤดูกาลของเขามีโอกาสลงสนามช่วยทีมไปทั้ง 87 เกมด้วยกัน
ปี 2017 ถือว่าเป็นปีทองของเขาเมื่อ คาร์ดิฟ ซิตี้ ต้นสังกัดปัจจุบันของนายทวารชาวฟิลิปปินส์ ได้เซ็นต์สัญญาเขามาแบบไร้ค่าตัว เพื่อมาทดแทน ลี แคมปป์ นายทวารตัวหลักของ คาร์ดิฟ ที่ตอนนั้นมีอาการบาดเจ็บ แต่นายทวารรายนี้ที่มาในฐานะตัวแทนกลับไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อเขาลงเล่นให้กับ คาร์ดิฟ ทุกเกมใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก่อนพาทีมเลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก ในที่สุด พร้อมทั้งเป็นผู้รักษาประตูที่เสียประตูน้อยที่สุดในบรรดาทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
ปัจจุบัน เขาติดทีมชาติ ฟิลิปปินส์ ไปแล้ว 57 นัด และล่าสุดก็เพิ่งจะลงเล่นในเกม เอเอฟซี เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก ซึ่ง ฟิลิปปินส์ เอาชนะ ทาจิกิสถาน 2-1 ส่งผลให้พวกเขาเข้ารอบเป็นที่หนึ่งของกลุ่มเอฟ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ เกาหลีใต้, จีน และ คีร์กีซสถาน ใน เอเชี่ยนคัพ 2019 กลุ่มซี ที่จะเริ่มเตะกันต้นปีหน้า
ขอบคุณรูปจาก : Cardiff City Football Club