เปิดมุมมอง : ทำไมน้ำมันไทยต้องขึ้น – ลง ตามราคาตลาดโลก? บ่อยครั้งที่ผู้บริโภคสงสัย บ่อยครั้งที่ผู้บริโภคสงสัย คำตอบนั้นอยู่ที่กลไกราคาน้ำมันระดับสากล
หากพูดถึงสินค้าชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของทุกคน “น้ำมัน” คงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ ตั้งแต่การเดินทางด้วยรถยนต์หรือเครื่องบิน ไปจนถึงระบบขนส่งสินค้า ทุกกิจกรรมล้วนเกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันส่งผลโดยตรงต่อค่าครองชีพ และส่งผลต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาค
บ่อยครั้งที่ผู้บริโภคสงสัยว่าเหตุใดราคาน้ำมันในประเทศไทยจึงขึ้นลงตามตลาดโลก ทั้งที่เรามีโรงกลั่นน้ำมันของตัวเอง และบางพื้นที่ก็มีแหล่งผลิตน้ำมันดิบของประเทศ นี่คือหนึ่งในคำถามที่หลายคนมองว่า หากเราผลิตน้ำมันเองได้ ก็ควรตั้งราคาขายเองได้โดยไม่ต้องอ้างอิงตลาดโลกหรือไม่
คำตอบนั้นอยู่ที่กลไกราคาน้ำมันระดับสากล ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยกำหนดราคาน้ำมันให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงเสถียรภาพด้านพลังงานของประเทศต่างๆ
น้ำมัน : สินค้าสากลที่ไม่มีพรมแดน
น้ำมันถือเป็น “สินค้าสากล” (Global Commodity) ซึ่งหมายถึงสินค้าที่มีการซื้อขายทั่วโลก โดยไม่จำกัดแค่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งลักษณะของสินค้าประเภทนี้จะมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยมีความแตกต่างกันเชิงคุณภาพขึ้นอยู่กับแหล่งผลิต ซึ่งโดยหลักแล้วน้ำมันดิบอ้างอิงที่สำคัญของโลก ได้แก่
- Dubai Crude จากตะวันออกกลาง
- Brent Crude จากทะเลเหนือ โดยอยู่ระหว่างเกาะอังกฤษ และคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย
- West Texas Intermediate (WTI) จากสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ตลาดกลางซื้อขายน้ำมัน ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมักถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการอ้างอิงราคา เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือและมีปริมาณการซื้อขายสูง มี 3 แห่งหลัก ๆ ได้แก่
- NYMEX (New York Mercantile Exchange) หรือตลาดนิวยอร์ก เป็นตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่สำคัญที่สุดสำหรับน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป โดยใช้ราคาที่สะท้อนความต้องการในอเมริกาเหนือเป็นหลัก
- ICE (Intercontinental Exchange – London) หรือตลาดลอนดอน จะสะท้อนอุปสงค์ของยุโรป แอฟริกา และบางส่วนของเอเชีย
- ตลาดสิงคโปร์ (Singapore International Monetary Exchange – SIMEX) ที่ใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงราคาน้ำมันในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน

ไทยผลิตน้ำมันเองได้ แต่ต้องนำเข้าเป็นหลัก
แม้ว่าประเทศไทยจะมีแหล่งผลิตน้ำมันดิบของตนเอง แต่เราสามารถผลิตได้เพียง 15-20% ของความต้องการใช้ทั้งหมด ดังนั้น ประเทศไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศมากถึง 80-85% เพื่อให้เพียงพอต่อการกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อบริโภคภายในประเทศ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปของประเทศไทยมีการอ้างอิงมาจากตลาดสิงคโปร์ หรือ Singapore International Monetary Exchange (SIMEX) ซึ่งเป็นตลาดกลางสำคัญของภูมิภาค ราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์สามารถสะท้อนภาวะตลาดจริง และมีมาตรฐานการกำหนดราคาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันขึ้นลง
การเข้าใจกลไกตลาดน้ำมันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะน้ำมันเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพเศรษฐกิจ และความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่างในตลาดโลก ดังนี้
- อุปสงค์-อุปทาน (Demand & Supply) ถ้าการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นแต่การผลิตมีจำกัดย่อมจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ในทางกลับกันถ้าความต้องการใช้ลดลงแต่ผลิตมากเกินก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง
- นโยบายของ OPEC กลุ่มประเทศผู้ผลิตสามารถกำหนดปริมาณน้ำมันเพื่อควบคุมราคาในตลาดโลก
- เหตุการณ์เศรษฐกิจและการเมืองโลก เช่น สงคราม วิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาผันผวน
หากไทยตั้งราคาน้ำมันเองจะเกิดอะไรขึ้น?
บางคนอาจคิดว่าหากไทยสามารถกำหนดราคาน้ำมันเองโดยไม่ต้องอ้างอิงตลาดโลก จะช่วยลดภาระค่าครองชีพ แต่ในความเป็นจริง หากดำเนินการเช่นนี้ อาจเกิดผลกระทบหลายประการ ได้แก่
- การขาดแรงจูงใจในการผลิตและนำเข้าน้ำมัน
- งบประมาณของรัฐต้องรองรับการอุดหนุนราคาน้ำมัน
- อาจเกิดการลักลอบนำเข้าและกักตุนเพื่อเก็งกำไร
กลยุทธ์รับมือราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันที่ผันผวนส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและต้นทุนธุรกิจ การปรับตัวอย่างชาญฉลาดช่วยลดผลกระทบในระยะยาว โดยเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ขับรถแบบ Eco-Driving และบำรุงรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การเลือกใช้พลังงานทางเลือก เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอีกแนวทางที่ช่วยลดต้นทุนพลังงาน รวมถึงการวางแผนงบประมาณ ติดตามราคาน้ำมัน และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น การปรับตัวเชิงรุกจะช่วยให้ทั้งประชาชนและธุรกิจรับมือกับภาวะราคาน้ำมันที่ผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุปแล้ว “ความผันผวนของราคาน้ำมันไทยที่เชื่อมโยงตลาดโลก ประเทศไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีตลาดกลางอย่าง ตลาดสิงคโปร์ เป็นเกณฑ์อ้างอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สะท้อนต้นทุนจริง ซึ่งราคาน้ำมันจะขึ้นลงตามเศรษฐกิจโลก เพราะเกี่ยวข้องกับอุปสงค์-อุปทานและสถานการณ์ตลาดสากล ดังนั้น การเข้าใจกลไกราคาน้ำมันจะช่วยให้ประชาชนสามารถปรับตัวรับมือกับความผันผวนของตลาดโลกได้ดีขึ้น พร้อมวางแผนค่าใช้จ่ายและการบริโภคพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ”