เรื่องราวของ 4 พี่น้องลูกครึ่งไทย–สวิตเซอร์แลนด์ ที่ประสบอุบัติเหตุพลัดตกอาคารจนเสียชีวิตไป 2 ราย ซึ่งตอนนั้นสังคมให้ความใจและห่วงใย เมื่อมีข่าวในช่วงแรก แม่ไม่ค่อยได้มีเวลาดูลูกเพราะต้องทำงานถึง 2 ที่เพื่อเลี้ยงดูลูกเนื่องจากพ่อชาวสวิสไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดู วันนี้กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งเมื่อ โลกโซเชียลพูดถึงคุณรัตติกาลแม่ของเด็กๆว่าใช้ชีวิตที่หรูหรามากขึ้น หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับเงินบริจาคกว่า 2 ล้านบาทหรือเปล่า เช่นเดียวกับข้อสงสัยที่ว่าคุณพ่อชาวสวิส ได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเลี้ยงดูลูกด้วยหรือไม่
ทีมข่าวลงพื้นที่ ที่พักของครอบครัว 4 พี่น้องลูกครึ่งไทย–สวิตเซอร์แลนด์ ในซอยรามคำแหง 34 ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุสลด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่พบคุณรัตติกาล พบเพียงคุณตาของเด็กๆ ทั้ง 4 ได้เล่าให้ฟังว่า คุณรัตติกาลออกจากบ้านไปทำงาน และที่ดูว่าทุกวันนี้มีชีวิตที่ดีขึ้น ก็เพราะคุณรัตติกาลได้ทำงานในแวดวงการบันเทิงจึงได้รับค่าตอบแทนจำนวนมาก
ขณะที่ทางด้าน นายมาร์เชล เลออง โบเรล ตุณพ่อชาวสวิส นั้น ทีมข่าวก็มีโอกาสพูดคุย ถึงเหตุการณ์ที่ เกิดเป็นกระแสดราม่าในสังคมออนไลน์ ว่าจะเป็นนำเงินที่ได้จากการบริจาคกว่า 2 ล้านบาท ไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่นำมาดูแลลูกที่เหลืออีก 2 คน หรือไม่ นายมาร์เชล เลออง โบเรล บอกว่า เขาเองก็ทราบเรื่องนี้จากเพื่อนๆ ที่ได้เห็น ในเฟซบุ๊ก ว่าคุณรัตติกาล แม่ของลูกใช้ชีวิตที่หรูหราขึ้น แต่ก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
ส่วนคำถามที่ว่า ตัวของ นายมาร์เชล ในฐานะที่เป็นพ่อของเด็กๆนั้น ได้ช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูลูกอย่างไร นายมาร์เชล ชี้แจงว่า ในช่วงแรกๆได้ส่งเงินให้ลูกบ้าง แต่ก็ไม่พอ ทางแม่ของลูกมาขอ พอให้เงินไปก็คิดว่าควรได้อยู่กับลูกบ้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ และเป็นปัญหา เพราะแม่พาลูกหนี เลยหยุดส่งเสีย นอกจากนี้เงินบ้างส่วน ได้จ่ายเป็นทนาย เพื่อคดำเนินการขอดูแลลูกในอนาคต
ปัจจุบัน ตนไม่ได้จ่ายรายเดือนให้กับลูกแล้ว เพราะไม่ได้มีเงินมากมาย ลำพังตัวเองนั้นมีรายได้ประจำจากการเป็นครูสอนภาษาในโรงเรียนเอกชน ในระดับชั้นประถมประถมศึกษาปีที่ 1-3 และมีการสอนพิเศษทุกวันเสาร์ และหลังนักเรียนเลิกเรียน จันทร–ศุกร์ โดยจะมีรายได้ที่แน่นอน 43000 บาทต่อเดือน แต่ก็มีค่าใช้จ่าย เป็นค่าบ้าน 6500 บาท ค่ารถ 8000 บาท ค่าอินเตอร์เน็ต 800-900 บาท ค่าไฟ 1500 ค่าอาหาร 2000 บาท และอื่นๆ เช่น ประกันชีวิต และค่าใช้จ่ายส่วนตัว หลังจากนั้น เงินบางส่วนก็จะถูกเก็บเข้าบัญชี หรือหยอดกระปุกออมสินให้ลูก เพื่อวันหนึ่ง ลูกสองคนสามารถกลับมาหาเขา เขาก็จะพาไปทำพาสปอร์ต เพื่อท่องเที่ยว
“ผมก็ไม่แน่ใจต่อกระบวนการตัดสินของศาลว่าจะออกไปทิศทางไหน แม่ของลูกร้องขอ 3 หมื่นบาทต่อเดือน ให้ผม ให้ผมให้เงินได้อย่างไร ทั้งที่แม่ของลูกไม่ให้ผมเข้าใกล้ลูก ก็ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องทำแบบนั้น และแม่ของลูกร้องขอให้ผมจ่ายค่าเลี้ยงดูย้อนหลังอีก4 ปี เกือบล้าน ซึ่งไม่เป็นความผิดของผม หรือถ้าเป็นผม ตอนฟ้องร้องเอาลูกมา ผมก็ไม่คิดจะเอาเงินจากแม่ของลูกเลย แต่ตอนนี้ แม่ของลูกจะเอาลูกไว้ ไม่ให้ผมเจอลูก แต่จะเอาเงิน เพราะเหตุผลอะไร?”
อย่างไรก็ตาม นายมาร์เชล บอกว่า รู้สึกเสียใจที่แม่ของลูกพยายามสร้างความเข้าใจผิดในตัวพ่อให้กับลูกๆ ตอนนี้ ลูกเปลี่ยนไปเป็นแบบที่แม่สอน รู้สึกเหนื่อย แต่ขอบคุณที่ทุกคนที่เป็นกำลังใจ
