ม.หอการค้าเผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เหตุผู้บริโภคกังวล การเมืองขาดเสถียรภาพ-ตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่ได้-เศรษฐกิจไม่ดี ห่วงเลือกตั้ง “โมฆะ” กดจีดีพีปีนี้ต่ำกว่า 3.5%
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.2562 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ 79.2 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 80.6 ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือน ม.ค.2561 โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เมืองในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 58 เดือน โดยอยู่ที่ระดับ 75.6 จากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 80.5
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า และกำลังซื้อของประชาชนไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก ประกอบกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ในขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 3.8% จากเดิม 4% หลังคาดว่าการส่งออกปีนี้จะเติบโต 3.4% จากเดิมคาดไว้ 4.5%
“ความกังวลเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล และสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตที่อาจมีความไม่แน่นอนและขาดเสถียรภาพ การส่งออกไทยไตรมาส 1 ที่ติดลบ 1.64% ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัว ความกังวลเกี่ยวกับภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพืชผลการเกษตรและรายได้ของประชาชน ระดับราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยลบที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง”นายธนวรรธน์ระบุ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่สำคัญที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนเม.ย.2562 ได้แก่ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเริ่มคลี่คลาย หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจาร่วมกันและยุติสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว 90 วัน, นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น หลังจากประเทศไทยยกเว้นค่าธรรมเนียม VISA on Arrival และเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนเม.ย.2562 อยู่ที่ 66.2 ลดลงจากเดือนก่อน 67.6 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ระดับ 74.6 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 75.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 96.7 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 98.4
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า หากมีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว ก็จะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้นแน่นอน แต่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หรือจัดตั้งรัฐบาลได้ยาก จะกระทบต่อความเชื่อมั่นฯ รวมทั้งอาจทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวต่ำกว่า 3.5% ได้