สัญญาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวปิดที่ 63.50 เหรียญฯ หลังนักลงทุนคาดอุปทานน้ำมันในตลาดตึงตัว เหตุสหรัฐเลิกผ่อนผันนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
เมื่อคืนวันจันทร์ (29 เม.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 63.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 72.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.11 เหรียญ หรือลดลง 0.2%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ในภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐประกาศยกเลิกคำสั่งผ่อนผันแก่ 8 ประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจีนจะเจรจากับสหรัฐเพื่อขอนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านต่อไป
นอกจากนี้ การที่สหรัฐคว่ำบาตรการการส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา ได้ทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดลง รวมทั้งเหตุการณ์สู้รบในลิเบียอาจส่งผลกระทบการผลิตน้ำมันของลิเบีย
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30 เม.ย.ว่า เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดมีแนวโน้มฟื้นตัวจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากความกังวลต่อปริมาณน้ำมันดิบโลกที่ตึงตัว จากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ ต่อการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านและเวเนซุเอลา ประกอบกับราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงร้อยละ 3 ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้อ้างว่าเจรจากับกลุ่มโอเปกเมื่อวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.2562 ในการเสนอให้กลุ่มโอเปกปรับเพิ่มปริมาณการผลิต เพื่อผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบ รวมถึงราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้ทำการเปรียบเทียบแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบเบรนท์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 เม.ย.2562 พบว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2561 ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 นับตั้งแต่ต้นปี 2662
ขณะเดียวกัน แนวโน้มของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.2662 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปริมาณการผลิตยังคงไม่เกินที่ได้ทำการตกลงร่วมกันของกลุ่มโอเปกพลัส