น้ำมันดิบพุ่ง 1.2% หลังกลุ่มก่อการร้ายโจมตีระบบส่งน้ำมันในซาอุดิอารเบีย

สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่ม 1.2% ปิดที่ 61.78 เหรียญสหรัฐ หลังกลุ่มผู้ก่อการร้ายโจมตีระบบขนส่งน้ำมันในซาอุดิอารเบีย ขณะที่โอเปกคาดความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด

เมื่อคืนวันอังคาร (14 พ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 61.78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.74 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.2% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 71.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.01 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.4%

สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปิดเพิ่มขึ้น หลังเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (14 พ.ค.) กลุ่มก่อการร้ายได้ทำการโจมตีสถานีสูบน้ำมัน 2 แห่งของแนวท่อส่งน้ำมันตะวันตก-ตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงริยาด โดยผู้ก่อการร้ายได้ใช้โดรนบรรทุกระเบิดโจมตีสถานีสูบน้ำมันดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดีอาระเบีย ยืนยันว่า การผลิตน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ในขณะที่บริษัทซาอุดี อารามโค ระบุว่า การส่งน้ำมันและก๊าซไปยังยุโรปไม่ได้รับผลกระทบและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้

ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 พ.ค.) เรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย 2 ลำ ถูกโจมตีนอกน่านน้ำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้าย

สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากรายงานประจำเดือน พ.ค. ของกลุ่มโอเปก ประเมินว่า ความต้องการน้ำมันของโลกในปีนี้จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่การผลิตน้ำมันจากคู่แข่งของโอเปกจะลดลง โดยเฉพาะการชะลอตัวลงของการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐ

ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15 พ.ค. ว่า เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% หลังซาอุดิอาระเบียเผยว่ากลุ่มก่อการร้ายได้ทำการโจมตีระบบการขนส่งน้ำมันดิบในเมืองยานบูซึ่งเป็นเมืองท่าทางฝั่งตะวันตกของซาอุดิอาระเบีย จากการถูกโจมตีทางโดรน

โดยก่อนหน้านี้ เรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีบริเวณนอกน่านน้ำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อสองวันก่อนหน้า สร้างความกังวลต่อการส่งออกน้ำมันดิบ

ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงราว 0.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน รวมถึงปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันดิบในปี 2562 นี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ รวมไปถึงอุปทานน้ำมันดิบที่จะตึงตัว เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มโอเปก และการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลาของสหรัฐ รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตนํ้ามันดิบจากชั้นหินดินดานของสหรัฐจะปรับตัวลดลง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า