เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า ตั้งแต่ 1 ต.ค.2562-30 ก.ย.2564 กรมฯจะเก็บภาษีความหวานในอัตราใหม่ ส่งผลให้น้ำอัดลม ชาเขียว เครื่องดื่มบำรุงกำลัง กาแฟกระป๋อง น้ำผลไม้ เครื่องดื่มปรุงแต่งต่างๆ ที่มีค่าความหวานเกินกำหนดจะต้องเสียภาษีมากขึ้น เช่น น้ำอัดลมกระป๋องขนาด 250 ซี.ซี. จะเสียภาษีเพิ่มขึ้น 10 สตางค์ ส่วนราคาที่ขายให้ผู้บริโภคจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ผลิต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ผลิตน้ำมันอัดลมบางส่วนปรับสูตรการผลิต โดยลดน้ำตาลลงจาก 14 กรัม/ลิตร เหลือ 12 กรัม/ลิตร เพื่อเสียภาษีความหวานให้ต่ำลง แต่น้ำอัดลมบางเจ้า คือ น้ำอัดลมสีดำที่ยังไม่เปลี่ยนสูตร เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้รสชาติเปลี่ยนไปและกระทบต่อยอดขาย
สำหรับประเภทสินค้าที่ขึ้นภาษีความหวานตาม กฎกระทรวงกําหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ในส่วนที่เกี่ยวกับเครื่องดื่ม เช่น น้ำแร่ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ (รวมถึงเกรปมัสต์) และน้ำพืชผัก ตั้งแต่ 1 ต.ค.2562-30 ก.ย.2564 จะเสียภาษี ดังนี้ 1.ที่ไม่มีปริมาณน้ำตาล หรือที่มีปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัมต่อเครื่องดื่มปริมาตร 100 มิลลิลิตร และไม่ว่าจะมีสารที่ให้ความหวานหรือไม่ก็ตาม ไม่ต้องเสียภาษี
2.ที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 6 กรัม แต่ไม่เกิน 8 กรัมต่อเครื่องดื่มปริมาตร 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 0.30 บาทต่อลิตร 3.ที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 8 กรัม แต่ไม่เกิน 10 กรัมต่อเครื่องดื่มปริมาตร 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 0.30 บาทต่อลิตร 4.ที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัมต่อเครื่องดื่มปริมาตร 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร 5.ที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 14 กรัม แต่ไม่เกิน 18 กรัมต่อเครื่องดื่มปริมาตร 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร
และ6.ที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 18 กรัม ต่อเครื่องดื่มปริมาตร 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร
อ่านรายละเอียด กฎกระทรวงกําหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ที่นี่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/095/111.PDF