ตำรวจใช้เวลา72ชั่วโมงรวบ 3 คนร้าย ปล้นสะท้านกรุง 60 ล้านบาท สามารถยึดเงินคืนได้ทั้งหมด โดยคนร้ายนำรถกระบะฟอร์ดป้ายแดง จอดทิ้งข้างศูนย์วัฒนธรรม เร่งล่าอีก2 -ด้าน ผบ.ตร.เตรียมแถลงผลการจับกุมวันนี้
เมื่อคืนที่ผ่่านมา พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทีมสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบรถยนต์กระบะฟอร์ดสีส้ม ป้ายแดง ทะเบียน ส-5179 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์ของกลางที่กลุ่มคนร้าย ปล้นไปพร้อมเงิน 60 ล้านบาทจากคอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษก 30 และนำไปจอดทิ้งไว้บริเวณถนนเทียมร่วมมิตรใกล้กับศูนย์วัฒนธรรม
หลังเจ้าหน้าที่พบข้อมูล ว่า รถยนต์คันดังกล่าวถูกนำมาจอดทิ้งไว้โดยมีการนำผ้าคลุมรถไว้ตั้งแต่คืนเกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พบหลักฐานสำคัญหลายอย่างอาทิ ลายนิ้วมือแฝงคีย์การ์ดพร้อมกุญแจที่ใช้ผ่านเข้าออก คอนโดมิเนียม หลังดังกล่าวเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และนำรถกระบะฟอร์ด ไปเก็บไว้ที่ สน.พหลโยธิน เพราะเป็นรถยนต์ของกลาง ที่คนร้าย ปล้นมาจากในพื้นที่ รับผิดชอบของ สน.พหลโยธิน
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ เปิดเผยภายหลังตรวจสอบ รถกระบะของกลาง ว่า รถกระบะฟอร์ดคันนี้ จากการสอบสวนขยายผล พบว่า คนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้ ตั้งแต่คืนก่อเหตุเวลาประมาณ 2.00 น. และจากการตรวจสอบภายในรถ ไม่พบเงินสดของกลาง ที่คนร้ายปล้นไปจากผู้เสียหาย แต่พบหลักฐานอื่นหลายอย่าง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สูจน์หลักฐานเก็บไว้ทั้งหมดแล้ว ในส่วนของผู้ก่อเหตุ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่รู้ตัวทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อขอศาลออกหมายจับ
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ฝ่ายสืบสวน สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 3 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ เข้ามาปล้นและทำร้ายผู้เสียหาย ที่ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ พร้อมกับ ติดตามยึดเงินสกุลเงินเยน ที่ถูกปล้นไป กลับมาได้ทั้งหมด ส่วนผู้ก่อเหตุอีก 2 คน อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว ขณะที่แหล่งข่าวฝ่ายสืบสวน ระบุว่า จากการสอบปากคำพยาน ซึ่งเป็นผู้นำเงินของผู้เสียหาย มาเก็บไว้ที่คอนโดมิเนียม และถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ พบว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับ แก๊งคนร้ายที่ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม จะมีการแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุ อาจเป็นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งจะรายงานให้ทราบต่อไป
