สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 2.5% ปิดที่ 53.31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังสหรัฐคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซุเอลา คาดทำให้การส่งออกน้ำมันหายไป 5 แสนบาร์เรล/วัน
เมื่อคืนวันอังคาร (30 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 53.31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.32 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2.5% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 61.32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.39 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2.3%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท ปิโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งการคว่ำบาตรดังกล่าวจะทำให้ PDVSA ถูกอายัดทรัพย์สินมูลค่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอาจทำให้ PDVSA สูญเสียยอดขายน้ำมันดิบมากถึง 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีหน้า
มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวมีขึ้น หลังจากสหรัฐให้การยอมรับนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติและผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ในฐานะประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา และประณามนายนิโคลัส มาดูโร ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลา หลังชนะเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 2 ใน 3
กระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า PDVSA เป็นแหล่งรายได้หลักและดึงดูดเม็ดเงินต่างประเทศของเวเนซุเอลา การขึ้นบัญชีดำจะช่วยป้องกันไม่ให้นายมาดูโรโยกย้ายสินทรัพย์ของเวเนซุเอลา และประกาศว่า จะยกเลิกการคว่ำบาตรเมื่อมีการถ่ายโอนอำนาจบริหารประเทศสู่ประธานาธิบดีรักษาการ หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ ในปี 2561 ที่ผ่านมา เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันดิบเหลือ 1 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากปี 2560 ที่ส่งออกน้ำมันดิบ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยสหรัฐเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของเวเนซุเอลา ตามมาด้วยอินเดียและจีน ขณะที่ Petromatrix คาดการณ์ว่า การส่งออกของเวเนซุเอลาจะลดลงประมาณ 500,000 บาร์เรล/วัน ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว ส่งผลให้กำลังผลิตของสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นหลังสหรัฐตัดสินใจคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา เพื่อหวังที่จะลดการส่งออกน้ำมันดิบจากบริษัทดังกล่าว และช่วยให้สถานการณ์น้ำมันดิบล้นตลาดคลี่คลายลงไปบ้าง
ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาปรับลดลงจาก 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2560 เหลือ 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2561 และคาดว่าจะปรับลดลงต่อราวครึ่งหนึ่งในปี 2562 หากการคว่ำบาตรครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป
สำหรับการคว่ำบาตรดังกล่าวอาจส่งผลให้เวเนซุเอลาไม่สามารถจ่ายหนี้ราว 3,150 ล้านเหรียญสหรัฐ คืนให้กลับรัสเซียได้อย่างที่คาดไว้ หลังเวเนซุเอลาประสบวิกฤตเศรษฐกิจภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ซึ่งทำให้เกิดเงินเฟ้อมากกว่า 1,000,000% ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงคาดหวังให้เวเนซุเอลาจ่ายหนี้ตรงตามกำหนดเวลา
นอกจากนี้ เวเนซุเอลายังคงมีหนี้กับจีนราว 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านข้อตกลงการซื้อขายน้ำมันดิบในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์ในลิเบีย ล่าสุดแหล่งขุดเจาะน้ำมันดิบ El Sharara ยังคงปิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่องกว่าหนึ่งเดือน เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธยังคงไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ ส่งผลให้ปัจจุบันลิเบียมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2561 ที่ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน
ภายหลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่ม 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 445.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มราว 3.2 ล้านบาร์เรล
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล