สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลบ 0.8% ปิดที่ 53.79 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังการเจรจาข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีนยังไม่ได้ข้อยุติ จับตา “ทรัมป์” พบ “สี จิ้นผิง” หารือข้อสรุปสุดท้าย
เมื่อคืนวันพฤหัส (31 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้า เวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 53.79 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.44 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.8% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 61.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.24 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.4%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังสัญญาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ประกอบกับนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ ท่ามกลางข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งนี้ จีนเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก
ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความว่า การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย จนกว่าตนเองและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบกันในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพื่อตกลงในประเด็นที่ยากกว่าและเกิดขึ้นมายาวนาน
ทรัมป์ ยังทวีตในเวลาต่อมาว่า กำลังมองว่าจีนควรจะเปิดตลาดในประเทศของพวกเขา ไม่เพียงเฉพาะภาคบริการทางการเงิน ซึ่งพวกเขากำลังทำตอนนี้ด้วยเท่านั้น แต่ควรจะรวมถึงภาคการผลิตของเรา ภาคการเกษตร ธุรกิจและอุตสาหกรรมอื่นๆของสหรัฐด้วย หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ ข้อตกลงก็ยากที่จะยอมรับได้
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ ที่ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งแตะระดับ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุน จากกรณีที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท ปิโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา ขณะที่การคว่ำบาตรดังกล่าวอาจจะทำให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาลดลง 500,000 บาร์เรล/วัน
ขณะเดียวกัน การส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียไปยังสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง หลังจากกลุ่มประเทศโอเปกและประเทศอื่นๆ 10 ชาติรวมถึงรัสเซียตั้งเป้าลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ทั้งนี้ รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียจะลดการผลิตน้ำมันดิบเหลือ 10.1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ตลอดทั้งเดือนม.ค.สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 18.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่นับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2559 และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 15% ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2559 เช่นกัน
บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 1 ก.พ. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง หลังนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันโลก หลังตัวแทนของทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจา ณ กรุงวอชิงตันในช่วงวันที่ 30 – 31 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 2 มี.ค.2562 โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็พร้อมเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากระดับ 10% ไปสู่ระดับ 25%
ขณะที่สำนักข่าว Reuters เปิดเผยการสำรวจปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ม.ค.2562 พบว่าปรับตัวลดลง 890,000 บาร์เรล/วัน ลงไปแตะระดับ 30.98 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากสุดตั้งแต่เดือน ม.ค.2560 โดยเป็นผลมาจากการปรับลดกำลังการผลิตจากซาอุดิอาระเบีย คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลิเบีย อิหร่าน และเวเนซุเอลา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปยังทรัพย์สินเสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ การคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบเวเนซุเอลาของสหรัฐ ยังส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล