สัญญาน้ำมันดิบ WTI บวก 1.3% ปิดที่ 56.79 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังรมว.พลังงานซาอุฯประกาศลดการส่งออกน้ำมันต่ำกว่า 7 ล้านบาร์เรล/วัน
เมื่อคืนวันจันทร์ (11 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 56.79 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.72 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.3% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 66.58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.84 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.3%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับเพิ่มขึ้น หลัง Khalid al-Falih รมว.พลังงานของซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียวางแผนที่จะปรับลดการส่งออกน้ำมันลงสู่ระดับต่ำกว่า 7 ล้านบาร์เรล/วัน และจะรักษาเพดานการผลิตเอาไว้ที่ระดับต่ำกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วัน โดยมีเป้าหมายที่จะลดกำลังการผลิตส่วนเกิน
สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า เวเนซุเอลาได้ปิดสถานีส่งออกน้ำมันหลักและโรงงานแปรรูปน้ำมันดิบ เนื่องจากวิกฤตไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นทั่วประเทศตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นการก่อวินาศกรรมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล
ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตร Evrofinance Mosnarbank ซึ่งเป็นธนาคารรัสเซีย เนื่องจากมีส่วนพัวพันในการดำเนินธุรกิจกับบริษัท ปิโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา และถือเป็นมาตรการล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐในการกดดันนายนิโคลัส มาดูโล ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลามีแนวโน้มลดลงสู่ระดับ 750,000 บาร์เรล/วันในปี 2562 จากระดับ 1.3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2561 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐบังคับใช้กับเวเนซุเอลา
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากซาอุดิอาระเบียยืนยันจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัสที่จะลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นเวลา 6 เดือน ขณะที่การประชุมกลุ่มโอเปกจะมีขึ้นอีกครั้งในเดือน เม.ย.2562
ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียคาดการณ์ว่าจะปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบลงในระดับที่ต่ำกว่า 7 ล้านบาร์เรล/วันในเดือน เม.ย. 62 ซึ่งปรับลดลงจากระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ม.ค.2562
นอกจากนี้ ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงมาอยู่ที่ระดับ 10.14 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งปรับลดลงจากเดือน ม.ค. ที่ระดับ 10.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยปรับลดลงต่ำกว่าระดับที่ได้มีการตกลงกับกลุ่มโอเปกพลัสไว้ที่ระดับ 10.31 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันหลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ รวมทั้งนักลงทุนกังวลต่อเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงในเอเชียและยุโรป
ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้คาดการณ์ว่าสหรัฐจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 15.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2561 ไปอยู่ที่ระดับ 19.6 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2567
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล