การตากข้าวบนถนนของชาวบ้านอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ในที่สุดก็เกิดขึ้นจริงๆ ที่จ.สุรินทร์ เด็กนักเรียนวัย 8 ขวบถูกรถกระบะชนอาการสาหัส เพียงเพราะไม่มีที่หลบเนื่องจากชาวบ้านตากข้าวไว้เต็มถนนที่เกิดเหตุพบรอยเลือดติดอยู่บนกองข้าวที่ชาวบ้านตากไว้บนถนนสายบ้านผาง–บ้านอุดม ต.ชุมแสง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ซึ่งกินพื้นที่ถนนไปครึ่งเลน และมีผู้สูงอายุนั่งร้องให้ใกล้กับกองเลือดอย่างน่าเวทนา ส่วนผู้บาดเจ็บ คือ เด็กชายญาณภัทร สายกระสุน อายุ 8 ปี” นักเรียนชั้นป.2โรงเรียนบ้านผางอุดมสมบูรณ์วิทยา ซึ่งทางกู้ชีพชุมแสง รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลจอมพระอย่างเร่งด่วน เพราะมีเลือดออกตามปากและจมูกพร้อมแผลถลอกบริเวณใบหน้า อยู่ในอาการสาหัสและไม่รู้สึกตัวแต่ยังมีชีพจร
จากการสอบถาม ทราบว่า ผู้สูงอายุคนดังกล่าว เป็นย่าของผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่รีบมาดูหลานหลังจากมีชาวบ้านแจ้งให้ทราบ จึงรีบมาดูหลาน ด้วยอาการกระวนกระวายเป็นห่วง ถึงแม้จะพบแต่เพียงรอยเลือด โดยไม่ทราบชะตากรรมของหลานก็ตาม ทำให้ร้องให้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ใกล้กันพบรถจักรยานสองล้อสภาพพังยับเยินอยู่ข้างถนน และอีกฟากของถนนพบรอยหญ้าเป็นทางไถลลงไปยังคูน้ำ มีรถปิคอัพอีซูซุสีขาวไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน จมอยู่ในคูน้ำข้างถนน ส่วนคนขับรถปลอดภัย ทราบชื่อคือ นายสนั่น มุ่งดี อายุ 31 ปี ชาวบ้านอุดม อ.จอมพระ ยืนรอให้การกับตำรวจในลักษณะคล้ายกับคนเมา
จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังตากข้าวอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ พบเด็กนักเรียนปั่นรถจักรยานบนถนนแบบสวนเลนเพราะอีกเลนชาสบ้านตากข้าวอยู่ พอมีรถวิ่งมาตนจึงตะโกนให้หลบออกจากถนนเพราะอันตราย และผู้ได้รับบาดเจ็บได้ยืนจับรถจักรยานสองล้ออยู่บริเวณเส้นเหลืองรอกลางถนน ที่รถกำลังสวนกัน แต่อยู่ๆรถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว ได้พุ่งตรงมาที่เด็กกำลังยืนอยู่ ทำให้เด็กหลบไม่ทันและชนเข้าอย่างจัง ก่อนรถยนต์จะพุ่งตกลงข้างถนนในคูน้ำ ตนจึงวิ่งมาดูเด็ก พบว่าไม่มีสติ จึงได้โทรแจ้งจนท.ตำรวจ ให้ทำเข้ามาทำการช่วยเหลือ ส่วนคนขับและผู้โดยสารมีชาวบ้านมาช่วยเหลือขึ้นมาจากน้ำในเวลาต่อมา
จากการสอบถาม นายสนั่นฯบอกว่า ตนและผู้โดยสารอีก 1 คนขับรถยนต์ มาจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง คือบ้านสมบูรณ์ กำลังจะกลับบ้านอุดม ระยะทาง 1 กิโลเมตร พอมาถึงที่เกิดเหตุตนได้ขับรถเฉี่ยวชนกับเด็กที่ยืนหลบรถอยู่กลางถนนอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยความตกใจจึงหักพวงมาลัยอย่างแรงทำให้รถตกลงไปข้างทางและจมน้ำอย่างที่เห็น ตนและผู้โดยสารที่มาด้วยตะเกียกตะกายออกมาจากรถได้อย่างหวุดหวิด สำหรับผู้โดยสารที่มากับรถปิคอัพอีก 1 ราย คือ นางเพรียง ดาทอง อายุ 72 ปี เป็นชาวบ้านสมบูรณ์ โดยสารมากับรถกระบะ คันเกิดเหตุเพื่อเดินทางไปหาญาติที่บ้านอุดมพร้อมคนขับ รถแต่กลับมาเกิดเหตุเสียก่อน ซึ่งอยู่ในอาการตกใจร้องให้ฟูมฟายร้องให้คนช่วยตลอดเวลาเพราะตัวเองเกือบจะจมน้ำตายไปกับรถ
จากการสังเกตุบริเวณถนนที่เกิดเหตุ พบว่าชาวบ้านได้นำข้าวมาตากเป็นทางยาว กินเนื้อที่ของถนนสองไปเลนไป 1 เลน หรือครึ่งหนึ่ง โดยที่บรรดาครูและผู้ปกครองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การตากข้าวบนท้องถนนแบบนี้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับเด็กนักเรียนได้ แต่ส่วนหนึ่งก็ยังเห็นใจชาวบ้านที่ไม่มีที่ตากข้าวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวพร้อมกัน ทำให้การจราจรเหลือเพียง 1 เลนถึงแม้จะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมากก็ตาม แต่ต่างก็ไม่มีทางออก
สำหรับคนขับรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นว่า ขับรถด้วยความประมาท ส่วนอาการเมานั้น ต้องนำคนขับไปตรวจพิสูจน์อีกครั้งที่ สภ.เมืองลีง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
