เหมือนจะรู้สัญญาณอะไรบางอย่าง เมื่อ 1 ก.ย.2561 ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษก “กลุ่มสามมิตร” ออกมาแถลงข่าวว่า หลังเดือน ก.ย. กระบวนการตั้งพรรคการเมือง คงจะมีการดำเนินการกันเรียบร้อยกันหมดแล้ว และทางกลุ่มสามมิตรก็น่าจะไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองด้วย
ส่วนจะไปสังกัดพรรคการเมืองใดนั้น ผู้ใหญ่ของกลุ่มสามมิตรได้ มีพูดคุยกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว และคาดว่าจะใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน
เดือน มี.ค.2561 “สมคิด” ได้วางตัว “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” และ “อุตตม สาวนายน” เป็นกำลังหลักทางการเมือง ส่วนอีกด้านหนึ่ง “สมคิด” ได้ดึงมิตรสหายพรรคไทยรักไทย มาร่วมด้วยช่วยกัน คนแรกคือ “สนธยา คุณปลื้ม” และพรรคพลังชล จึงถูกดึงเข้ามาเป็นกลุ่มแรก
“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้เจรจากับ สมคิด จึงกลายเป็น “กลุ่มสามมิตร” ออกเดินสายสร้างข่าวครึกโครม สร้างวาทกรรม “พลังดูด” จนทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องออกมากระตุกแข้งกระตุกขากลุ่มสามมิตรบ้าง
การเคลื่อนไหวแบบโครมครามของกลุ่มสามมิตร ทำให้ “สนธิรัตน์” กับ “อุตตม” หวั่นไหว หากกลุ่มสามมิตร มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ จริง ก็คงต้องปรับจูนกันเยอะ ฝ่ายหนึ่งเป็นนักเลือกตั้งอาชีพ ล้วนแต่ระดับเขี้ยวลากดิน
หากย้อนไปดูการเลือกตั้ง 2550 ตอนนั้น สมศักดิ์ เทพสุทิน ตั้งกลุ่มมัชฌิมา เตรียมตัวตั้งพรรค ก็ไม่ได้ตั้งสักที กระทั่งยกก๊วนเข้าไปร่วมกับ “เสี่ยทีพีไอ” ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ที่เคยร่วมกับ เสนาะ เทียนทอง ตั้งพรรคประชาราชมาก่อน ภายหลังมีปัญหาขัดแย้งกัน “เสนาะ” หอบพรรคประชาราชไปบริหารจัดการเอง
เสี่ยประชัย จึงจับมือสมศักดิ์ ตั้ง “พรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย” ส่งผู้สมัคร ส.ส.ทั่วไทย โดยใครก็ทราบว่า เงินทุนพรรคนี้ใครจ่าย?
ประชัย ลงเล่นการเมือง ด้วยความหวังที่จะนำนโยบายดีๆ ไปพัฒนาประเทศชาติ แต่หลังเลือกตั้ง ประชัย ถูกยึดพรรคไปโดยไม่รู้ตัว ทำเอา เสี่ยทีพีไอ สาปส่งการเมืองมาจนเท่าทุกวันนี้
บทเรียนจาก เสี่ยประชัย ทำให้ “สนธิรัตน์-อุตตม” คิดหนัก นี่ขนาดยังไม่ทันตั้งพรรค ฝ่ายสามมิตร ได้ยื่นข้อเสนอมาเพียบ
เวลานี้ โอกาสที่กลุ่มสามมิตร จะได้ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐยัง 50-50 เพราะ สมศักดิ์ ตั้งเงื่อนไขสูงมาก และดูเหมือนจะมากกว่า สมัยเสี่ยประชัย สนับสนุนพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตยเสียอีก
สุดท้ายผู้ที่จะมาเคาะว่าเอาหรือไม่เอากลุ่มสามมิตร ก็หนีไม่พ้นเป็น “บิ๊ก คสช.” นั่นเอง จะได้ไปต่อหรือไม่ ขึ้นกับ “บิ๊ก คสช.”
