“เรืองไกร” บุกร้องกกต. ยกเหตุยุบ “พลังประชารัฐ” หลังดัน “หัวหน้าคสช.” ขึ้นบัญชีนายกฯ จี้ใช้มาตรฐานเดียว ชงยุบ “ไทยรักษาชาติ”
18 ก.พ.62 – เมื่อเวลา 11.00 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อยื่นคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) โดยนายเรืองไกร ระบุว่า ขอให้กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ ใน 3 ประเด็นที่ได้ยื่นมาก่อนหน้านี้ เพราะ กกต.ต้องใช้มาตรฐานเดียวกับที่ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งขณะนี้ได้เห็นคำร้อง ที่กกต.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติแล้วแต่อ้างเหตุย้อนแย้งกันเอง เพราะ กกต.อ้างเพียงว่าไม่รับพิจารณาแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ แต่ กกต.กลับใช้กฎหมายพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 ว่า พรรคไทยรักษาชาติกระทำการเป็นปฏิปักษ์ จึงยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค แต่เรื่องที่ยื่นให้กกต.สอบพรรคพลังปาะชารัฐนั้นเป็นความผิดที่เข้าข่ายยุบพรรคที่ชัดเจนมากกว่าด้วย
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเข้าข่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐชัดเจน แต่พรรคพลังประชารัฐกลับเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตของพรรคเท่ากับกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ขณะที่นายอุตตม ได้เป็นหัวหน้าพรรค ก่อนจะสมัครเป็นสมาชิก ก็ถือว่าเป็นบุคคลภายนอกตามมาตรา 28 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่เข้าข่ายครอบงำพรรค ผิดมาตรา 92 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคเช่นกัน ส่วนกรณีโต๊ะจีนระดมทุนให้พรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเข้าข่ายเป็นการแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน จะเข้าข่ายขัดหลักการจัดตั้งพรรคการเมือง มาตรา 20 (2) ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคตามมาตรา 92 (3)
นายเรืองไกร ยืนยันว่า เมื่อได้เห็นคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติแล้ว ก็ไม่ห่วงว่าพรรคจะถูกยุบ เพราะในเห็นขั้นตอนการเสนอเรื่องจากกกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญกลับไม่มีการสืบสวน หรือให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอความเห็นให้กกต.ลงมติ ทั้งหมดจึงเป็นการข้ามขั้นตอน ดังนั้นการมาร้องวันนี้ขอให้กกต.อย่าข้ามขั้นตอนเช่นกัน