ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ทรงครองราชย์ คำสอนหนึ่งของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ตราตรึงใจพวกเราชาวไทยคือเรื่อง ‘ความพอเพียง’ ซึ่งพระองค์ไม่เพียงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินวิถีชีวิตตามหลักการที่ทรงมีพระราชดำริเท่านั้น หากแต่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังทรงดำรงพระองค์เป็นต้นแบบของ ความเรียบง่าย ความประหยัด และความพอเพียง มาโดยตลอด พระราชจริยวัตรอันแสนเรียบง่ายของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่นั้นคือสิ่งที่ทำให้ปวงชนชาวไทยแซ่ซ้องสรรเสริญ ประทับภาพอันงดงามนั้นในใจไม่รู้คลาย
และวันนี้ไบรท์ออนไลน์ขอรวบรวมความงดงามแห่งพระราชจริยวัตรอันเรียบง่ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาให้พวกเราเหล่าพสกนิกรได้ชื่นชมกันอีกครั้งค่ะ
- พระองค์โปรดความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ประหยัด และโปรดทำสิ่งต่างๆ ด้วยพระองค์เอง
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานสัมภาษณ์นักข่าวจากสโมสรนักข่าวหญิงแห่งประเทศไทย ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ความตอนหนึ่งว่า
“…แล้วท่านทำอะไร ท่านก็ทำเองหมดเลย อย่างจะเสด็จฯ ภาคใต้นี่ท่านก็แพ็คของเอง
“ในการแต่งพระองค์ก็ไม่สนพระทัยเลย ขำ เมื่อตอนท่านหนุ่ม ๆ บอกว่าท่านดัดผม (ทรงพระสรวล) ในหลวงดัดผม ที่แท้แม้แต่ส่องกระจกนาน ๆ ก็ไม่ส่อง ไม่สนพระทัย… นาฬิกาซื้อถวายเมื่อวันเฉลิมฯ ซื้อเป็นเรืองทอง ท่านก็ไม่ชอบ เพราะท่านบอกว่า ‘ต้องแกะเข้าแกะออกฉันไม่ชอบ ชอบเวลาล้างมืออะไรมันได้ทั้งนั้น’ ตกลงเสด็จฯ State Visit (การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ) ก็นาฬิกาเหล็กนั่น เสด็จลงเรือใบก็นาฬิกาเหล็กเรือนนั้น… ” (ที่มา: จากหนังสือ ‘แสงแห่งแผ่นดิน’)
- ความเรียบง่ายเรื่องการเสวยพระกระยาหาร
ครั้งหนึ่ง ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชาวเขาเผ่ามูเซอ โดยผู้ใหญ่บ้านมูเซอได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ เข้าไปในบ้าน แล้วส่งถ้วยเหล้าถวาย หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ผู้อำนวยการโครงการหลวงในเวลานั้น ผู้โดยเสด็จไปด้วยทรงเล่าว่า “ผมเห็นว่าเหล้าไม่ดี และถ้วยที่เขารินเหล้ามาถวายไม่ค่อยสะอาดนัก จึงรีบกราบทูลให้พระองค์ทรงทำเป็นเสวยแล้วรีบส่งแก้วเหล้ามา แต่พระองค์ทรงรับไมตรีด้วยการเสวยจนหมด ผู้ตามเสด็จพากันตกใจ พระองค์ตรัสภายหลังว่า ‘เหล้าแบบนี้แอลกอฮอล์สูง เชื้อโรคตายหมดแล้ว’” (ที่มา: จากหนังสือ ‘แสงแห่งแผ่นดิน’)
อีกหนึ่งเหตุการณ์เกี่ยวกับพระกระยาหารของในหลวงรัชกาลที่ 9 ถูกเล่าโดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเล่าถึงพระกระยาหารมื้อเที่ยงในคราวที่เสด็จฯ ไปทรงเปิดอนุสาวรีย์ที่เขาค้อ ซึ่งหลังจากนั้นได้เสด็จกลับพระตำหนักเพื่อเปลี่ยนฉลองพระบาทไป ‘บุกป่าฝ่าดง’ ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว ผู้ตามเสด็จทุกคนยังไม่ได้รับประทานอาหาร จึงรีบวิ่งไปที่ห้องอาหาร ปรากฏว่า มีจานหนึ่งเหลือเพียงข้าวผัดก้นกระบะกับไข่ดาวแห้งๆ 1 ใบ มีคนหนึ่งจะเข้าไปหยิบก็ถูกมหาดเล็กห้าม บอกว่า “ไม่ได้ๆ ของพระเจ้าอยู่หัว ท่านรับสั่งให้มาตัก”
“ผมนี่แทบน้ำตาไหลเลย ท่านเสวยเหมือนกันกับเรา” (ที่มา: จากหนังสือ ‘แสงแห่งแผ่นดิน’)
นอกจากนี้ในหนังสือ ‘ใกล้เบื้องพระยุคลบาท’ โดย ลัดดาซุบซิบ ได้เผยแพร่เรื่องเล่าเกี่ยวกับความเรียบง่ายเรื่องพระกระยาหารนี้ว่า เมนูพระกระยาหารของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้น เป็นอาหารแสนธรรมดาที่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหลายบริโภคกันอยู่ทุกวัน แต่รสชาติต้องไม่จัดจ้าน ในหลวงโปรดผัดผักทุกชนิด โดยใส่ผักมากๆ หมู เนื้อ นั้นต้องใส่แต่น้อย โดยในบรรดาผักทั้งหมดโปรดเสวยผัดถั่วงอกมากที่สุด วิธีการผัดต้องผัดแค่สะดุ้งไฟเท่านั้น ถั่วงอกต้องไม่เละจนนิ่ม ที่สำคัญคือห้ามใส่ผงชูรสเด็ดขาด
- ไม่โปรดการสวมใส่เครื่องประดับมากมาย
ภาพการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบกระราชกรณียกิจตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พวกเราชาวไทยเห็นจนเจนตานั้น หากสังเกตจะพบว่าในหลวงโปรดสวมเพียงนาฬิกาข้อมือเท่านั้น ไม่ได้ทรงสวมเครื่องประดับอื่นใดเลย ซึ่ง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้เล่าไว้ในหนังสือ ‘ตามรอยพระยุคลบาท ครูแห่งแผ่นดิน’ ความตอนหนึ่งว่า
“เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔ เข้าไปถวายงานใหม่ๆ พยายามมองพระเจ้าอยู่หัว มองจนทรงรู้สึกพระองค์ มองที่ข้อพระหัตถ์ อยากรู้ว่าทรงใช้นาฬิกาอะไร ทรงยื่นให้ดูแล้วรับสั่งว่ายี่ห้อใส่แล้วโก้ พระเจ้าอยู่หัวทรงใช้นาฬิกาเรือนละ ๗๕๐ บาท”
(นาฬิกาเรือนนั้นคือ SEIKO Kinetic SKJ045P)
แม้ทรงดำรงพระราชอิสริยยศสูงยิ่งเพียงใด แต่ ‘พ่อของปวงชนชาวไทย’ กลับทรงมีพระราชจริยวัตรอันเรียบง่าย พอเพียง และงดงามอยู่เสมอ สมควรที่ปวงชนชาวไทยจะยึดเป็นแบบอย่าง และดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาทสืบไป
ขอบคุณภาพประกอบจาก: หนังสือ ‘แสงแห่งแผ่นดิน’
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
‘อาชีพกษัตริย์’ ของในหลวงรัชกาลที่ 9