หลังจากที่หมูป่า 13 ชีวิตพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายป่วยเป็นปกติแล้ว สิ่งที่ต้องเจอนับจากนี้ก็คือหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือมากมาย และอาจจะมีสื่อมวลชนหรือบุคคลอื่นๆ ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในคนงานเหมืองชิลีที่ติดอยู่นานกว่า 69 วันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ได้ให้คำแนะนำกับเด็ก ๆ และโค้ชทั้ง 13 คน จากประสบการณ์ที่ได้รับโดยตรงเกี่ยวกับชีวิตหลังเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก พร้อมยกย่องทางการไทยที่รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างรอบคอบ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายหลุยส์ เออร์ซัว อายุ 62 ปี หนึ่งในคนงาน 33 คนที่ติดอยู่ในเหมืองที่ประเทศชิลี เมื่อปี 2553 ออกมาแนะนำเด็ก ๆ ให้อยู่กับครอบครัวเอาไว้ อย่าสนใจข้อเสนอการเงินที่หลายฝ่ายพากันหยิบยื่น ซึ่งหลังจากที่ตัวเองได้รับการช่วยเหลือขึ้นมา ก็ถูกรุมล้อมไปด้วยสื่อมวลชนมาขอสัมภาษณ์ ทนายความอาสาเป็นตัวแทนดูแลเรื่องสัญญาผลประโยชน์ นักการเมืองโหนกระแส เชื่อว่าเยาวชนไทยและครอบครัวไม่สามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้แน่นอน เนื่องจากเขาและเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ยังไม่สามารถรับมือได้เลย
นายเออร์ซัว ยังกล่าวอีกว่า ตนเองและครอบครัวสวดภาวนาระหว่างติดตามข่าวทุกวัน ขอชื่นชมทางการไทยที่รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างรอบคอบ ไม่เปิดเผยตัวเด็ก และดูแลเรื่องสุขภาพอย่างดีเยี่ยม เด็ก ๆ จะต้องค่อย ๆ กลับเข้าสู่สภาพแวดล้อมเดิมทีละน้อย และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อพร้อมจะเล่าแล้วเท่านั้น
ด้าน นายโอมาร์ เรย์กาดาส อดีตคนงานเหมืองอีกคน กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวดังกล่าวจนตัวเองเครียดและต้องไปรับการบำบัด ขณะที่ นายฆอร์จ กัลเยกียอส อายุ 64 ปี เล่าว่า ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน จากคนงานเหมืองธรรมดากลายเป็นคนดังระดับโลก ได้รับเชิญไปฮอลลีวูด ไปประเทศอิสราเอล เข้าทำเนียบประธานาธิบดีชิลี ทุก ๆ คนก็พูดถึง ลงข่าวทุกสื่อ คนนั้นคนนี้รับปากให้โน่นให้นี่ แล้วไม่นานก็ถูกลืม หวังว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับทีมหมูป่าจากไทย