เตือนภัยคนเดินห้าง บูทคลินิกเสริมความงาม ดูดเงินแบบไม่รู้ตัว

บูทคลินิกเสริมความงาม อันตรายกว่าที่คิด สาวเตือนระวังให้ดีภัยร้ายใกล้ตัว หลงกลเดินตามคำเรียกเชิญสุดท้ายเป็นหนี้ไม่รู้ตัว หลังพนักงานทำแบบนี้

บูทคลินิกเสริมความงามตามห้าง-1-1 — ขอบคุณภาพ **ข่าวสารเมืองปราการ v2**

หากใครที่ชื่นชอบไปเดินห้างสรรพสินค้า คงจะพบเห็นได้บ่อยครั้งที่ คลินิกเสริมความงาม ของหลายๆเจ้า ได้มีการออกมาจัดบูทเพื่อส่งเสริมการขาย หรือแสดงโปรโมชั่นต่างที่ทางคลินิกเองกำลังจัดอยู่ แน่นอนว่าพนักงานที่ออกมาจัดบูทนั้นแต่ละคนต่างก็อยากได้ยอดจากลูกค้าที่เดินผ่นไปมา จนบางครั้งถึงขั้นยอมลงทุนพูดจาหว่านรอบให้ลงเชื้อและเสียเงินแบบไม่รู้ตัวได้

อย่างในกรณีนี้ เพจเฟซบุ๊ก ข่าวสารเมืองปราการ v2 โพสต์รางงานคดี บูทคลินิกเสริมความงามตามห้าง หลอกสาวโรงงานให้เป็นหนี้กว่า 2 หมื่น โดยขั้นตอนและวิธีการถูกระบุไว้ดังนี้ เมื่อวันที่ (4 พ.ย.65) น.ส.กัญญารัตน์ อายุ 26 ปี พนักงานโรงงานผลิตชุดชั้นในแห่งหนึ่ง นำเอกสารเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.รัฐพงษ์ ศรีนอก รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ หลังถูกพนักงานคลินิกเสริมความแห่งหนึ่ง นำโทรศัพท์ไปโหลดแอปพลิเคชันกู้เงิน เพื่อใช้เป็นค่าคอร์สเสริมความงาม กว่า 21,000 บาท โดยไม่แจ้งรายละเอียดให้ทราบ กระทั่งถูกทางธนาคารโทรมาทวงถาม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้างสรรพสินค้าย่านสมุทรปราการ

บูทคลินิกเสริมความงามตามห้าง-3 — ขอบคุณภาพ **ข่าวสารเมืองปราการ v2**

วันเกิดเหตุตนไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าย่านสมุทรปราการ ระหว่างเดินผ่านบูทของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง มีพนักงานขายเดินมาหาตนและสอบถาม ขณะนั้นตนเองไม่ได้สนใจและบ่ายเบี่ยง แต่พนักงานบอกว่าขอเวลา 5 นาที ก่อนพาตนเองไปนั่งที่บูท และขอให้เปิดหน้ากากเพื่อดูสภาพผิวหน้า พร้อมถามตนว่าสนใจคอร์สรักษาหรือไม่ ก่อนที่จะอธิบายสรรพคุณของคอร์สเสริมความงามของคลินิก ช่วงที่นั่งอยู่ตนไม่ได้ตั้งใจจะฟัง เนื่องจากไม่คิดจะซื้ออยู่แล้ว จนพนักงานสอบถามว่ามีบัญชีของธนาคารใดบ้าง

4-2 — ขอบคุณภาพ **ข่าวสารเมืองปราการ v2**

ซึ่งในระหว่างที่อยู่ที่บูทพนักงานคนดังกล่าวจะนำโทรศัพท์ตนไปโหลดแอปพลิเคชัน และนำข้อมูลและหลักฐานส่วนตัวต่างๆไปกรอกโดยไม่แจ้งรายละเอียดก่อนจะมีเงินโอนเข้ามาเป็นเงินจำนวน 21,200 บาท ซึ่งพนักงานก็โอนเข้าบัญชีคลินิกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งซองขาวที่มีใบเสร็จรับเงินและบัตรของขวัญ ซึ่งในเวลาต่อมาประมาณ 1 เดือน จู่ๆตนได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ธนาคารทวงถามหนี้ ถึงได้รู้ว่าตนเองเป็นหนี้แบบไม่รู้ตัว จึงเดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง