กลาโหมเขมร ปล่อยข่าวปลอม กล่าวหาไทยยิงก่อน ไม่มีข้อมูล-หลักฐาน

เรื่องข่าวปลอมไว้ใจผม กระทรวงกลาโหมเขมร ปล่อยข่าวปลอม กล่าวหาไทยยิงก่อน ไม่มีข้อมูล ไม่มีหลักฐาน กลับกัน ไทยมีหลังฐานชัดเจน

ข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา กรณี กลาโหมเขมร ปล่อยข่าวปลอม ใส่ร้ายไทยยิงก่อน โดย เพจเฟซบุ๊ก ក្រសួងការពារជាតិ เปิดเผยว่า “แถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยเพจทางการของกองทัพบกไทย รวมถึงสื่อไทยหลายสำนัก ซึ่งกล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นผู้ริเริ่มการโจมตีโดยใช้อาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย นั้นเป็นข้อมูลเท็จ อันที่จริง กองทัพไทยได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังกัมพูชาเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ของเช้าวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กองกำลังไทยได้ดำเนินการยั่วยุหลายครั้งติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่บริเวณพรอลเลียน ทมาร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยุยงให้เกิดการเผชิญหน้า”

“The statement published by the official page of the Royal Thai Army, as well as by several Thai media outlets, alleging that Cambodia initiated the attack using heavy and destructive weapons and equipment along the Cambodia-Thailand border, is false information. In fact, the Thai military forces launched the attack on the Cambodian forces at approximately 05:00 AM in the morning of December 8, 2025. It should be noted that this attack occurred after the Thai forces engaged in numerous provocative actions for many days, especially the incident yesterday at Prorlean Thmar area, with the objective of instigating confrontations.”

ข่าวที่น่าสนใจ

ความจริง กลาโหมเขมร ปล่อยข่าวปลอม In fact, the Cambodian Ministry of Defense has released fake news.

In fact The 2nd Army Area Operations Center would like to clarify the situation along the Thai–Cambodian border as follows:

03.00 hours: News imagery indicated that Cambodian forces designated targets for their supporting fire weapons toward the Thai side, specifically in the areas of Satuek Airfield, Buri Ram Province, and Prasat Hospital, Surin Province.
05.00 hours: Cambodian forces fired direct-fire weapons toward the positions of our deployed troops in the Chong An Ma area. Our forces responded in accordance with the rules of engagement. All personnel are safe.
06.00 hours: Cambodian forces continued to employ indirect-fire weapons against our side in the Chong An Ma area.

Approximately 70% of civilians have already been evacuated, 35,623 people have officially registered at temporary shelters. Those who have not entered shelters are believed to be staying with relatives or are still in the process of relocating. During the evacuation in Nam Yuen District, one civilian died while being moved.

The 2nd Army Area will continue to closely monitor the situation, heighten surveillance, and employ all measures necessary to protect the security of the people and the sovereignty of the nation to the fullest extent.

We request the public to follow information from official agencies and reaffirm that the 2nd Army Area continues to conduct its border security mission with caution, strength, and unwavering commitment to maintaining peace, order, and national security.

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอชี้แจงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในห้วงเวลา 06.00 น. ดังนี้

เวลา 03.00 น. ปรากฏภาพข่าวฝ่ายกัมพูชากำหนดเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนมายังฝั่งไทยในพื้นที่ท่า
อากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์เวลา 05.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงมายังแนวการวางกำลังของฝ่ายเราในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายเราทำการยิงตอบโต้ตามกฎการปะทะ กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย
เวลา 0600 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงวิถีโค้งระดมยิงต่อฝ่ายเราในพื้นที่ช่องอานม้าการอพยพประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน มีประชาชนในพื้นที่อำเภอตามแนวชายแดน อพยพออกจากพื้นที่แล้วประมาณร้อยละ 70 มีผู้ที่ลงทะเบียนเข้าศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว จำนวน 35,623 รายคาดว่าประชาชนบางส่วนเดินทางไปพักอาศัยที่บ้านญาติ และที่เหลืออยู่ระหว่างการเดินทางเคลื่อนย้าย ในระหว่างการอพยพ มีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย ด้วยโรคประจำตัวในพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

กองทัพภาคที่ 2 จะดำเนินการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน และอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มกำลัง ขอความร่วมมือให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากหน่วยงานหลัก และขอยืนยันว่ากองทัพภาคที่ 2 ยังคงปฏิบัติภารกิจในการดูแลพื้นที่ชายแดนด้วยความรอบคอบ เข้มแข็ง มุ่งมั่นรักษาความสงบเรียบร้อย และความ มั่นคงของชาติเป็นสำคัญ