กัมพูชาร้อนเป็นไฟ กฎหมายถอนสัญชาติเขมร ผ่านมติฉลุย แถมเนื้อหา กฎหมายถอนสัญชาติผู้สมรู้ร่วมคิด คลุมเครือเอาผิดคนเห็นต่างการเมืองได้
ข่าวประเด่นร้อน กรณี กัมพูชาผ่านร่าง กฎหมายถอนสัญชาติเขมร โดย เว็บไซต์ channelnewsasia รายงานว่า วันที่ 25 สิงหาคม 2568 สมาชิกรัฐสภากัมพูชาได้ผ่านร่างกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับต่างประเทศถูกเพิกถอนสัญชาติ ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนเกรงว่าจะถูกนำไปใช้ปราบปรามผู้เห็นต่าง โดย สมาชิกรัฐสภาทั้ง 120 คนที่เข้าร่วมประชุมสภาแห่งชาติ รวมถึงนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ลงมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบร่างกฎหมายฉบับนี้
กฎหมายถอนสัญชาติเขมร มีเนื้อหาคลุมเครือ
โดย กลุ่มตรวจสอบสิทธิมนุษยชน กล่าวหา รัฐบาลกัมพูชามานานแล้วว่า “ใช้กฎหมายที่เข้มงวดเพื่อสกัดกั้นฝ่ายค้านและสร้างความชอบธรรมให้กับการถกเถียงทางการเมือง” ซึ่งกลุ่มพันธมิตรสิทธิมนุษยชน 50 กลุ่ม ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์เตือนว่ากฎหมายฉบับนี้ “เขียนไว้อย่างคลุมเครือ” และ “จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเสรีภาพในการพูดของพลเมืองกัมพูชาทุกคน” “ความเสี่ยงที่จะเกิดการใช้อำนาจในทางมิชอบในการบังคับใช้กฎหมายที่ใช้ถ้อยคำคลุมเครือนี้ เพื่อมุ่งเป้าไปที่ผู้คนโดยพิจารณาจากเชื้อชาติ ความคิดเห็นทางการเมือง คำพูด และการเคลื่อนไหวทางสังคมนั้นสูงเกินกว่าจะยอมรับได้” “รัฐบาลมีอำนาจมากมาย แต่ไม่ควรมีอำนาจตัดสินโดยพลการว่าใครเป็นหรือไม่ใช่ชาวกัมพูชา” กฎหมายฉบับนี้ยังคงต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาสูงของกัมพูชาก่อนที่จะประกาศใช้โดยประมุขแห่งรัฐ แต่ทั้งสองกรณีถือเป็นการตราหน้าอย่างเป็นทางการ
จากการบรรยายสรุปของรัฐสภายุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ สิทธิในการเป็นพลเมืองสามารถถูกเพิกถอนได้หากมีเหตุผลว่าก่อกบฏหรือทุจริตต่อสัญชาติใน 15 ประเทศ และเฉพาะพลเมืองที่แปลงสัญชาติแล้วใน 8 ประเทศเท่านั้น สิทธิในการเป็นพลเมืองอย่างไม่มีเงื่อนไขได้รับการบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญของกัมพูชา แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติได้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนที่แล้ว โดยระบุว่า “การได้รับ สูญเสีย และการเพิกถอนสัญชาติเขมรจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย” “ถ้าคุณทรยศต่อชาติ ชาติก็จะไม่ปกป้องคุณ”
ข่าวที่น่าสนใจ
- เตือนห้ามดูเด็ดขาด คลิปดาร์กเวียดนาม จิตตก สะเทือนใจรุนแรง
- ปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์ โดยไม่มีเหตุผลอันควร อาจมีโทษทั้งจำ และปรับ
- ดราม่า นายกเทศบาล แจ้งความนักดับเพลิง หลังเข้าช่วยเหตุเพลิงไหม้
ทั้งนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” “เรื่องนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ทางการกัมพูชาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการปกป้องเอกราชและบูรณภาพของศาลของประเทศ” “สิ่งนี้ทำให้การปฏิบัติแบบเผด็จการของรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีการตรวจสอบ เช่น การข่มเหงผู้นำฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหว และนักข่าวอิสระ” ตัวอย่าง นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านจำนวนมากถูกจำคุกหรือถูกฟ้องร้องโดยทางการกัมพูชา หรือ Kem Sokha ผู้นำฝ่ายค้าน ถูกตัดสินจำคุก 27 ปีในข้อหากบฏในปี 2566 ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า และถูกกักบริเวณในบ้านทันที