คณะวิจิตรศิลป์ มช. ออกแถลงประเด็นการื้อถอนผลงานนักศึกษาเมื่อวานที่ผ่านมา ( 23 มีนาคม ) หลังการแถลงเกิดการโต้แย้งและคำถามจากหลายฝ่าย
จากแถลงการณ์ของคณะวิจิตรศิลป์เมื่อวานที่ผ่านมา ( 23 มีนาคม ) เพื่อตอบประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา สรุปประเด็นคือ เป็นการเคลียร์พื้นที่พื้นเตรียมจัดงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤกษาคม อุปกรณ์ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ได้สอบทรายหาเจอของแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นของใคร อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการหมิ่นทางการเมือง ถึงเก็บแล้วจะนำคืนต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
+ เด็กวิจิตรศิลป์ มช.งง!! เจ้าหน้าที่รื้อถอนผลงานนักศึกษา อ้างเข้าใจผิด นึกว่าขยะ +
+ ล่าสุด! นักศึกษาวิจิตรศิลป์ มช. ออกแถลง ถึงผู้ใหญ่ เหตุจากการรื้อถอนผลงานอย่างไร้เหตุผล +
+ วิจิตรศิลป์มช.แถลงแล้ว เหตุใดถึงรื้อถอนผลงานนักศึกษา ก่อนเจ้าของยินยอม +
หลังมีการแถลงการณ์ออกมา ทำให้เกิดการโต้กลับของหลายฝ่าย ทั้งเข้าใจถึงประเด็นที่แถลงตอบออกมา และ บางกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจกับคำตอบของเหตุการณ์ ชาวเน็ตตั้งคำถามว่า “หยิบของเขาไปใส่ถุงดำเนี้ย คิดดีแล้วใช่มั้ย ถ้าวันนึงเดินมาหน้าคณะ แล้วบอกว่ารถคุณหมิ่นเหม่เหมือนรถคนขนยา เอารถลากไปทิ้ง จะเห็นว่าดีว่างามใช่มั้ย”
ทาง artn’t manifesto ออกมาตอกกลับต่อแถลงการณ์คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จากแถลงการณ์ ที่อ้างว่า ‘ได้พบวัสดุอุปกรณ์ บริเวณลานด้านหลังอาคารหอศิลปวัฒนธรรม’ ทาง artn’t manifesto โต้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นอาคารเรียนและพื้นที่ปฏิบัติการของสาขาสื่อศิลปะฯ เพื่อใช้ในการศึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งหากพิจารณาให้ดี ก็เป็นไปได้ “เจ้าของก็คงไม่ได้อยู่บริเวณนี้” และหากเป็นสิ่งที่หมิ่นต่อกฏหมาย ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบและยึดของ
ด้วยเจตนารมณ์แห่งจิตวิญญาณขบถของชาวศิลปะ’ไม่(artn’t) ไม่สำคัญว่านั่นคือ นักศึกษาในสังกัดคณะวิจิตรศิลป์ หรือไม่ ที่ต้องการสร้างงานศิลปะ
” คณะวิจิตรศิลป์ควรพิจารณาถึงการถือครองความรู้ในฐานะสถาบันทางการศึกษาที่มีหน้าที่กระจายความรู้ไปสู่พื้นที่ต่างๆ ต่อสังคมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และเป็นพื้นที่ที่ผู้ฅนสามารถเข้ามาเรียนรู้ในการปฏิบัติการทางศิลปะได้ ‘ไม่ใช่! เพราะเป็นคณะวิจิตรศิลป์ จึงเป็นผู้สนใจทางด้านศิลปะ’ “
artn’t manifesto
” ด้วยประเด็นทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ งานศิลปะไม่เคยตัดขาดตัวเองออกจากโลก มันคือการหยิบฉวยสิ่งที่มีอยู่ บนสิ่งที่ผู้อื่นเคยพัฒนามันมาก่อนหน้า ประวัติศาสตร์ของศิลปะ คือ โลกที่มันไหลเวียนอยู่ ไม่ใช่ ‘ความงาม ความดี ความจริง’ ที่พูดขึ้นด้วยความโอ้อวดและเอามาอ้างประหนึ่งตัวเองหลุดพ้นบรรลุธรรม “
artn’t manifesto

และอีกความคิดเห็นจากอีกด้านหนึ่ง ที่ออกมาพูดถึงประเด็นที่เกิดขึ้น หลังจากแถลงของทางคณะวิจิตรศิลป์ บอกถึงเหตุที่ต้องเก็บผลงานของนักศึกษา เนื่องจากต้องเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมจัดงานศิลป์นิพนธ์ และเจออุปกรณ์ที่ใช้ในการเคลื่นไหวทางการเมืองมาวางในพิ้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาติ จึงเก็บออกจากพื้นที่ โดยมีนักศึกษาเข้ามาต่อว่าและแจ้งความ มีผู้บริหารระดับสูงโทรมาชื่นชมถึงเรื่องการดูแลสถานที่ เพราะ ช่วงเย็นวันเกิดเหตุ จะมีขบวนเสด็จที่เชียงใหม่ จึงต้องจัดการพื้นที่ให้เรียนร้อย หากไม่ทำก็อาจจะเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางกิจกรรมมางการเมือง และยังบอกอีกว่า “เราเลยยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมมาไกลมากแล้ว”
และเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 มีนาคม) ทางสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ไปออกแถลงการณ์ เรื่อง จุดยืนของสมาคม ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า รู้สึกไม่ค่อยสบายใจในเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทางศิลปากรก็เป็นแหล่งบ่มเพาะศิลปินที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน และเราตระหนักว่า หัวใจและจิตวิญญาณของศิลปิน คือสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และเรียกร้องให้คณบดีวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นนักศึกษาเก่า และเคยได้รับรางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่น โปรดพิจารณาการกระทำของท่าน และเรียกร้องไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ขอยืนหยัดในจุดยืน ที่จะรักษาสิทธิเสรีภาพในการสร้างสรรค์งานของศิลปิน ดุจปณิธานของท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่กล่าวว่า “นายต้องเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ก่อน แล้วจึงเรียนศิลปะ”

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ ต้องการคำตอบและหาทางออกของเรื่องที่เกิดขึ้น หากมีเรื่องราวเพิ่มเติมทาง Brighttoday จะนำมาแจ้งให้ทราบต่อไป