ญาติร้องโหนกระแส ปม หมอวินิฉัยผิดคิดว่าเป็นฝี ผ่าท้องคุณแม่วัย 19 ปีอายุครรภ์ 8 เดือน สรุปเสียชีวิตทั้งคู่เพราะผ่าเนื้อร้ายแตกกระจายทั่วร่าง
วันที่ 8 ธ.ค. 65 จากกรณีที่ กันจอมพลัง ช่วยสู้ ได้โพสต์ข้อความว่า ตอนนี้มีแม่ พาร่างไร้วิญญาณ ของลูกอายุ 19 และ หลานอายุครรภ์ 8 เดือน ใส่โลงจากสระแก้วเพื่อมาหาผม เพราะติดใจสาเหตุการตาย แม่น่าสงสารมากๆ ผมรับปากช่วยครับ โดยกรณีนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าคุณแม่วัย 19 นั้นเสียชีวิตจากอะไร วันนี้ทีมงาน กัน จอมพลัง จึงพาญาติของผู้เสียชีวิตนั้นเข้ามาพูดคุยในรายการ โหนกระแส เทปประจำวันที่ 8 ธ.ค. 65

โดยคุณแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นเปิดเผยเรื่องราวของลูกสาววัย 19 ปี ที่ตั้งครรภ์ลูกในท้องแต่เกิดอาการปวดท้องหนัก มีก้อนแข็งๆบริเวณปากมดลูกและการวินิจฉัยของหมอในครั้งนี้ ทำให้ลูกสาวของเธอและเด็กในท้องเสียชีวิต โดยคุณแม่นั้นเล่าว่า
จุดเริ่มต้นการวินิจฉัยผิด
ลูกสาวอายุ 19 ปี ชื่อบีม ตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน และปวดท้องจึงไปหาหมอ รู้สึกมีก้อนแข็งๆตรงบริเวณปากมดลูก หลังจากนั้นจึงพาไปพบแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่งในอรัญประเทศที่น้องบีมฝากกครรภ์ไว้ แต่หมอวินิฉัยว่า ก้อนแข็งๆนั้นคือฝี โดยไม่มีการตรวจเลือดหรือวินิจฉัยอะไรเพิ่มเติม หลังจากนั้นก็ทำการผ่ากรีดไปบริเวณดังกล่าว
แม่ได้ยินเสียงน้องบีมดังมาก จากนั้นหมอบอกว่า อ้าวนี้มันไม่ใช่ฝี น้องบีมก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากบริเวณที่กรีด หมอบอกให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่มีการเย็บปิดแผลใดๆ จากนั้นระหว่างที่น้องบีมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า น้องบีมเริ่มจะเป็นลมและมีเลือดไหลเยอะมากขึ้น จึงต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอรัญประเทศ

ย้ายโรงพยาบาลครั้งแรก
เมื่อไปถึงอีกโรงพยาบาลซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่หมอคนแรกที่วินิจฉัยทำงานอยู่ โดยครอบครัวและคนไข้ไปถึงก่อน หลังจากนั้น 2-3 ชม. หมอจึงตามมา และให้แม่เซ็นผ่าตัด โดยผ่านำชิ้นเนื้อไปชิ้นหนึ่ง พยาบาลแจ้งว่า น้องบีมเสียเลือดเยอะมากถึง 800 CC. แต่ก็แจ้งว่าให้แอดมิท 1 คืน แม่คอยถามไถ่น้องบีมตลอดว่าลูกดิ้นดีอยู่ใช่หรือไม่ น้องบีมก็ตอบว่ายังปกติดีอยู่ดิ้นตลอด แต่พอเช้าวันต่อมา หมอคนเดิมนั้นกลับบอกว่า เด็กในท้องเสียแล้ว (6 พ.ย. 65) แม่จึงถามว่า จะผ่าเด็กออกเมื่อไหร่ หมอแจ้งว่า รอให้น้องบีมเลือดหยุดไหลก่อนจึงจะพาเด็กออก จากนั้นต้องรออีก 2 วัน หมอก็ยังไม่เข้ามาทั้งๆที่ลูกในท้องเสียคาครรภ์ และน้องบีมเริ่มเจ็บท้องมากๆ แต่หมอก็ยังไม่มาแจ้งว่ากลับบ้าน
น้องบีมนั้นพูดว่าอยากตายตามลูกไปแล้วตอนนี้ปวดท้องทรมานมาก แม่จึงไปคุยกับ ผอ. ขอให้เปลี่ยนหมอ แต่ไม่มีหมอคนไหนยอมเปลี่ยนเพราะเคสนี้หนักมาก จึงต้องส่งตัวไปที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

ย้ายโรงพยาลครั้งที่ 2
เมื่อถึงโรงพยาบาล น้องก็เข้า ICU ผ่าตัดเอาเด็กออก (8 พ.ย. 65) และน้องบีมก็แจ้งว่าโอเคแล้ว แม่จึงกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า แต่คุณหมอก็โทรมาอีกครั้งว่าน้องต้องผ่าตัดด่วนเพราะน้องมีเนื้องอกเยอะ จากนั้นก็แจ้งเพิ่มเติมว่าน้องอาจมีภาวะไตวายให้แม่ทำใจไว้ด้วย สภาพน้องคือไม่ไหวแล้วต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ผลสรุปตรวจออกมา น้องมีภาวะไตวาย ติดเชื้อในกระแสเลือด มะเร็งต่มน้ำเหลือง อาการต่างๆ นั้นมาแบบลูกโซ่ และน้องบีมก็อดทนมาและเสียวันที่ 2 ธันวา 65 สิ่งที่แม่สงสัยคือ ทำไมหมอคลินิกแรกถึงวินิจฉัยแบบนั้น จึงนำศพของลูกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม
นอกจากนั้น สามีน้องบีม กล่าวว่า ก้อนนั้นเริ่มเกิดขึ้นมาตอนตั้งครรภ์ ขนาดใหญ่ประมาณลูกมะนาวและมากกว่า 10 เซนติเมตร โดยตามกฎหมายแล้วถ้าก้อนนั้นใหญ่กว่า 10 เซนติเมตร จะผ่าที่คลินิกไม่ได้ต้องผ่าที่โรงพยาบาลเท่านั้น
โดยจากการตรวจสอบโดยโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มายืนยันผลทีหลังว่าสิ่งที่หมอคลินิกแรกผ่าไปนั้นคือ ต่อมน้ำเหลือง เมื่อกรีดไปทำให้ต่อมเชื้อร้ายแตกและทำให้เชื้อลามไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว


ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY