อดีตนายทหาร เผย สงครามจิตวิทยา ฮุน เซน หรือ ปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุก เป้าหมาย บั่นทอนความเชื่อมั่น ด้วย คลิปเสียงนายกอุ๊งอิ๊ง เพียงอันเดียว
ข่าวโซเชียล กรณี สงครามจิตวิทยา ฮุน เซน ปลุกปั่นคนไทย ด้วย คลิปเสียงนายกอิ๊ง พลอากาศตรีสุรพล นวะมวัฒน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ICT) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “สงครามในเงามืด ปฏิบัติการปล่อยคลิปเสียง…กับบทเรียนที่คนไทยต้องรู้เท่าทัน” ถ้าผมเป็น “ฮุนเซน” ผมคงยิ้มออกตอนนี้แหละ เพราะแผน “สงครามจิตวิทยา” ที่วางไว้ กำลังได้ผล โดยที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยังไม่รู้ตัวว่า “ตกเป็นเครื่องมือ” ไปแล้ว

อดีตนายทหาร แฉ สงครามจิตวิทยา ฮุน เซน
การปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้นำสองประเทศไม่ใช่เรื่องบังเอิญมัน คือ “ปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุก” หรือ Psychological Warfare ที่มีเป้าหมายเพื่อ “บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อผู้นำ และ ทำให้ความมั่นคงของไทยปั่นป่วนจากภายใน” ในฐานะที่เคยทำงานด้านนี้ ผมจะบอกตรงนี้เลยว่า สงครามยุคนี้ไม่ได้ยิงกันด้วยกระสุนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยิงกันด้วย “ข้อมูล ความรู้สึก และอารมณ์ของประชาชน” ประเด็นที่คนไทยต้องตื่นรู้ เกมป่วนจากภายนอกได้ผลทันตา ยิ่งคนไทยแตกแยกกันเอง เสียงเรียกร้องให้ยุบสภา หรือ แม้แต่รัฐประหารยิ่งดัง “ฮุนเซน” ก็ยิ่งขำเพราะสิ่งที่เขาต้องการ คือ “การทำให้ระบบการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะสุญญากาศ” เพื่อให้เขา “เล่นเกมต่อ” ได้โดยไม่มีฝ่ายตรงข้ามในระดับรัฐ
การรัฐประหาร = กับดักทางการทูต : ประเทศใดก็ตามที่มีรัฐบาลทหาร มักตกอยู่ในความยากลำบากทางการต่างประเทศ มีตัวอย่างให้ดู และรับรู้ได้จริงในช่วงรัฐบาล คสช. ข้อตกลง ความช่วยเหลือ การสนับสนุนจากพันธมิตรจะถูกแขวนไว้หมด และในจังหวะนั้น “เขมรจะเดินหน้าเต็มกำลังบนเวทีโลก”
การรบ = เข้าทางอีกฝั่ง : อย่าลืมว่าฮุนเซนได้ฟ้องไทยต่อศาลโลกแล้ว ถ้ามีการปะทะเกิดขึ้นจริง ศาลจะถือว่าไทยใช้กำลัง และการตัดสินมักจะไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายที่ใช้กำลังก่อน นี่คือบทเรียนจากเวทีโลกที่ผมเคยเห็นมาในหลายประเทศ
คลิปเสียงคือเครื่องมือปั่นประสาท อย่าเอามาตัดสินว่าใคร “ขายชาติ” จากบทสนทนาไม่ถึง 20 นาที เพราะคนทำงานด้านความมั่นคงจริงๆ รู้ดีว่า การพูดคุยระหว่างผู้นำมันเต็มไปด้วยชั้นเชิง บางทีต้องยอมถอยเพื่อเอาชนะในอีกวัน อย่าให้เขมร “ยิงประชาชนไทยด้วยข้อมูล” แล้วคนไทยเราหันไปยิงกันเอง คนปล่อยคลิป (ฮุนเซน)ไม่ได้ต้องการแค่ให้คนไทยโกรธนายกฯ แต่ต้องการให้คนไทยทะเลาะกันเอง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ยิ่งคนไทยตีผู้นำของตัวเองเท่าไร ศัตรูก็ยิ่งเข้มแข็งเท่านั้น วันนี้เราต้องถามตัวเองว่า “เราจะให้ต่างชาติแทรกแซง และกำหนดอารมณ์เราได้ขนาดนี้เลยหรือ?”
บทสรุปจากความคิดเห็นของผม ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ และเรียนรู้ในด้านนี้มากจากการฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ อย่าจะขอกระตุกความคิดให้พวกเราคนไทยต้องมี “สติทางยุทธศาสตร์” ไม่ใช่แค่ “อารมณ์ทางการเมือง” เราต้องปกป้องชาติไม่ใช่ด้วยอาวุธแต่ด้วย “ความเข้าใจและวุฒิภาวะ” ถ้าศัตรูใช้ข้อมูลเป็นอาวุธ เราต้องใช้ปัญญาเป็นเกราะ อย่าเพิ่งรีบด่าผู้นำของเรา เพราะคลิปเสียง ไม่ใช่ “ภาพรวมของข้อตกลง” มันคือ “ช่วงหนึ่งของบทสนทนา” ที่ฝ่ายตรงข้าม ตั้งใจเลือกมาให้เราฟัง อย่าใจร้อน อย่าใจเบา ถ้าเราแพ้สงครามข้อมูล
ผมขอให้คนไทยตั้งสติ และปกป้องประเทศของเราให้ได้จากสงครามที่ไม่มีเสียงปืน แต่รุนแรงยิ่งกว่า ด้วยความเคารพจากคนเคยเห็นเลือดเนื้อความสูญเสียของประชาชนบนผืนดินของชาติอื่นที่ได้ไปทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ทางทหาร ของ UN
