เปิดอีกปมสำคัญ ที่ทำให้ ร.ต.ท. ยิงเจ้าของโรงงานดับกลางทางด่วน นอกจากเรื่องเงิน ยังเอี่ยวตำแหน่งหน้าที่ ซ้ำความเครียดจนก่อเหตุสลด
สืบเนื่องจากกรณีข่าวระทึกวานนี้ กับเหตุ ร.ต.ท. ยิงเจ้าของโรงงานดับกลางทางด่วน โดยเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 23.30 น. ตำรวจ สน.ทางด่วน 1 และ สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุชายถูกยิงเสียชีวิตอยู่บนทางพิเศษฉลองรัช จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุพบศพชายมีแผลถูกยิงหลายนัด แผลฉกรรจ์ที่สุดคือแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ที่ช่องท้ายซ้ายสุด ทราบชื่อคือกฤษฎิ์ อายุ 30 ปี
กระทั่งวันที่ 30 ธ.ค. 66 เจ้าหน้าที่ติดตามและสามารถ ร่วมกันจับกุมตัว ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา (นัท) อายุ 25 ปีอยู่ที่ 90 ม.7 ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 4841/2566 โดยกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและ พาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน”
จากนั้นหลังการสอบสวนผู้ต้องหา ผบก.น.4 กล่าวว่า จากคำให้การ ผู้ต้องหาอ้างว่า รู้จักกับผู้เสียชีวิตเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในฐานะที่ผู้เสียชีวิตเคยเป็นผู้เสียหาย เข้ามาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ว่าธุรกิจถูกฉ้อโกง และต่อมาผู้เสียชีวิตได้ชักชวนผู้ต้องหาให้มาทำงานพิเศษ เป็นคนขับรถส่วนตัว และรักษาความปลอดภัย แลกกับค่าจ้างวันละ 1,000 บาท นอกจากนี้ผู้ต้องหายังอ้างว่า ส่วนตัวมีปัญหาเรื่องหนี้สินในระบบจำนวน 2 ล้านบาท จากการไปกู้เงินมาลงทุนทำธุรกิจ จากคำให้การทั้งหมด ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงต้องทำการสอบปากคำเพื่อขยายผลให้ครบถ้วนในประเด็นที่สงสัย
ปมการย้ายตำแหน่ง
ซึ่งในตอนแรก มีการรายงานว่ามีเพียงปมเรื่องเงินเท่านั้น ที่ผู้ต้องหาคิดว่าตนเองนั้นถูกผู้ตายหลอกใช้ จนเป็นเหตุให้ก่อเหตุดังกล่าว ล่าสุดมีรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ ร.ต.ท.ณรงค์วัส ขอย้ายจากสังกัด บช.น.ไปสังกัด บช.ก. ซึ่งนายกฤษฏิ์ได้รับปากจะช่วยวิ่งเต้น แต่สุดท้ายหลังหมดฤดูการ แต่งตั้งโยกย้ายก็ไม่ได้ย้ายไป จึงเครียดและคิดว่าถูกหลอกใช้ จนเกิดปากเสียงและก่อเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า หลังจากผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุแล้วหนีไป แต่พบว่าได้ขับรถวนกลับมา เพื่อเอาโทรศัพท์มือถือ ที่ทำหล่นไว้ในจุดเกิดเหตุ ก่อนจะเห็นว่าคู่กรณียังไม่เสียชีวิต จึงบังคับให้โอนเงินให้ จำนวน 20 ล้านบาท แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยอม จึงถูกยิงซ้ำจนเสียชีวิต และผู้ต้องหาได้ขับรถหนีไปจนถูกจับกุมได้ที่โรงแรมแห้งหนึ่งย่านดอนเมือง
