เปิดใจ นายหนึ่ง ผู้เป็นพ่อแท้ๆของ น้องนาย หลังรู้ว่าลูกชายกลายเป็น ศพถูกยัดตู้เย็น เผย ครั้งสุดท้ายแบงค์บอกจะพาลูกไปเที่ยวเกาะล้าน
สืบเนื่องจากกรณี พบศพเด็กถูกยัดตู้เย็น วันที่ 6 ม.ค.67 ช่วงบ่าย ตำรวจสืบสวน สภ. บางบัวทอง ควบคุมตัวนาย นายหาญณรงค์ หรือ แบงค์ อายุ 31 ปี มาสอบปากคำ โดยนายแบงค์มีท่าทีเรียบเฉย ไม่ได้ตอบคำถามสื่อ โดยตำรวจนำตัวไปสอบปากคำในห้องสืบสวนสอบสวน โดยแยกกันสอบกับนางสาวก้อย ภรรยา ซึ่งจากการสอบปากคำพยานแวดล้อม เชื่อว่าทั้งสองคน รู้เห็นกันเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ น้องนาย เด็กชายวัยสองขวบ
ขณะเดียวกัน ย่าของนายแบงค์ และน้องสาวอีกคน ที่อาศัยอยู่ในบ้าน เดินทางมาพร้อมกับตำรวจชุดสืบสวน โดยทั้งสองคนไม่ขอให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ประเด็นการเสียชีวิตของน้องนาย ตำรวจจะมีการสอบปากคำบุคคลที่อยู่ในบ้านทั้งหมด 5 คน คือ น.ส.ยุพา, นายอู๊ด สามี, นายแบงค์ ลูกชาย น.ส.ยุพา , น.ส.ก้อย ลูกสะใภ้ และเด็กที่เสียชีวิต อายุ 2 ขวบ เพื่อจะตรวจสอบว่า บุคคลใดรู้เห็นเรื่องการเสียชีวิตแต่ไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่หรือไม่
ทั้งนี้ คำให้การของนายแบงค์ เจ้าตัวยืนยันว่า น้องนายข้าวเหนียวติดคอจริง และปู่ที่เป้นคนป้อนข้าวลูก ก่อนที่ลูกจะมานอนกับ น.ส.ก้อย และข้าวเหนียวติดคอ จนเสียชีวิต ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้สรุปแน่ชัด จึงให้นายแบงค์เป็นผู้ต้องสงสัยไว้ก่อน
ขณะที่ นายหนึ่ง นพรัตน์ ดวงงาม วัย 30 ปี เป็นคนเชียงใหม่ พ่อแท้ๆของ น้องนาย นั้นได้เข้ามาที่ สภ. บางบัวทอง เพื่อติดตามความคืบหน้า ก็ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่โทรมาบอกอะไรเลย เรารู้จากข่าว นี่คือสิ่งที่ทำให้เราติดใจสงสัยว่าเขาทำร้ายลูกเรา
พ่อแท้ๆเปิดใจ
ครั้งสุดท้ายที่คุยกับแบงค์ คือคุยกันว่าจะพาลูกไปเที่ยวเกาะล้าน เมื่อคืนเพิ่งโอนเงินไปให้ 300 บาท 2-3 วันที่ผ่านมา เราไม่ได้เห็นลูกเลย ตอนนี้รับไม่ได้ คิดถึงลูกอยากเจอลูกมากๆ เราเลี้ยงของเรามาตั้งแต่เด็กเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ตอนนี้อยากบอกลูกว่า ผมรักลูก อยากบอกแบงค์ว่า ทำผิดก็ยอมรับผิด มันพลาดมาแล้ว เรากลับไปแก้ไม่ได้ แต่เราอยากรู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ส่วนทางด้านแม่ของน้องนาย นายหนึ่งเล่าว่า ไม่ได้ติดต่อกันเลย แม่เขามีครอบครัวใหม่แล้ว และเรื่องเงินในการเลี้ยงดูน้องนาย นายหนึ่ง เปิดเผยว่า วันไหนผมทำงาน ผมก็ให้ตลอด แต่วันไหนไม่ได้ทำงานก็จะให้ทบอีกวัน เราไว้ใจเขาเพราะรู้จักกัน แต่หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ฝากเลี้ยง ขอเลี้ยงเองดีกว่า
