สาวสวยเล่านาทีเอาตัวรอด หลังถูก กลุ่มฮามาส จับเป็นตัวประกัน เผย แกล้งนอนตาย เอาเลือดศพมาทาตัว 3 ชั่วโมงที่รู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์
เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่กระทบไปทั่วโลก กับสงครามตะวันออกกลางระหว่าง อิสราเอล-ปาเลสไตน์ โดย กลุ่มฮามาส โดยหนึ่งในกลุ่มตัวประกันที่ถูกจับและทรมานส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปร่วมงานเทศกาลดนตรี ‘Nova Festival’ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้มีการแชร์เรื่องราวของ สาวเยอรมัน ที่ถูกกระทำชำเราและนำร่างเปลื่อยเปล่าขึ้นรถแห่ไปทั่วเมือง ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่าเธอรอดชีวิต แต่อาการสาหัส ขณะเดียวกัน ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ (x) @AGHamilton29 ได้ออกมาเล่าเรื่องราวของสาวอีกคนที่รอดชีวิต จากการถูก กลุ่มฮามาส เป็นตัวประกัน ซึ่งเธอคนนั้นมีนามว่า ‘เมย์ ฮายัต’ (May Hayat) โดยผู้รอดชีวิตนั้นเล่าว่า
ฉันไปทำงานกับแฟนที่บาร์ในงานปาร์ตี้ของ Nova Festival เราอยู่ด้วยกันทั้งคืนเช้า พวกเราสนุกมาก มีพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก เราก็เดินไปที่รถพ่วงเพื่อดื่มกาแฟและพักผ่อน จากนั้นฝันร้ายก็เริ่มขึ้น- จรวดเริ่มบินอยู่เหนือหัวของเรา
เพลงหยุดลงและเรารอให้สถานการณ์สงบลงจึงกลับบ้านได้ ทันใดนั้นฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน โดยเพื่อบอกเธอว่าทุกคนที่ขับรถกลับบ้านจากงานปาร์ตี้กำลังถูกยิง ฉันวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้พวกเขาไปเสริมกำลังคนในรถต่างที่กำลังถูกทำร้าย แต่ระหว่างนั้นเราก็รู้ความจริงว่ามีผู้ก่อการร้ายมากมายในพื้นที่ของเรา และพวกเขาก็อยู่ใกล้เรามาก ที่นี้มีความวุ่นวายครั้งใหญ่เกิดขึ้น
เราไปซ่อนตัวในห้องบัญชาการของตำรวจ และเราทุกคนก็นั่งลงกับพื้น บางคนร้องไห้ บางคนตะโกน บางคนมีอาการวิตกกังวล และบางคนเงียบสนิท ฉันกอดทุกคนที่ร้องไห้จนหายใจไม่ออก และแฟนของฉันก็ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในขณะที่เราถูกโจมตี
เสียงปืนเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้น ตำรวจยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูพร้อมอาวุธและมองหน้ากันด้วยท่าทางหวาดกลัวและตะโกนว่า “พายุ!”
พวกเขาหันมาหาเราก่อนออกจากห้องและบอกให้เรา “วิ่งไปสวดภาวนา” พวกเขาออกมาและถูกยิงทีละคน ผู้ก่อการร้ายยิงปืนเข้าใส่ห้อง และความเงียบก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เราออกจากห้องโดยวิ่งไปที่สนามรบ และในขณะที่ฉันกำลังวิ่งอยู่ ฉันก็หันกลับมาและเห็นแฟนของฉัน เธออยู่ที่นั่นและไม่มากับเรา
เราพยายามอย่างเต็มที่และวิ่งให้เร็วที่สุด จนกระทั่งถึงรถพยาบาลและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังรถ กระสุนมาจากทุกทิศทุกทาง ไปทางขวา ไปทางซ้าย ข้างหลังและข้างหน้าเรา
ฉันเห็นคนตะโกนบอกเราว่า “มาที่นี่ ปลอดภัยกว่า” ฉันวิ่งไปหาเขา แต่ไม่มีใครมากับฉัน ฉันและเขาวิ่งต่อไปด้วยกันจนกระทั่งเราเห็นยานพาหนะเข้ามาหาเรา เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในงานปาร์ตี้นั้น เขาเสนอให้เราเข้าไปในรถของเขาแล้วพยายามหลบหนีไปพร้อมกับเขา
เราขึ้นรถของเขา และทันทีที่เขาเริ่มขับรถ ผู้ก่อการร้ายก็เริ่มยิงใส่เรา เรากลับรถแล้วขับไปอีกทางหนึ่ง เราก็ถูกยิงที่นั่นเช่นกัน เรากลับมาที่เดิม ทันใดนั้นล้อรถก็ติดอยู่ในทรายขณะที่เรายังถูกไฟไหม้ เราวิ่งออกจากรถจนกระทั่งสังเกตเห็นหลุมที่พื้น เราเข้าไปข้างในจับมือและอธิษฐาน เพราะเหลือเพียงเราสองคน คนที่ขับรถหายตัวไป
ฉันบอกเขาว่า ‘คุณรู้ไหมเรื่องราวของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ผู้คนแกล้งทำเป็นตายเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น? นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา พระองค์ทรงคลุมเราด้วยทรายและเราอยู่ในความเงียบประมาณหนึ่งชั่วโมงจนกระทั่งเราเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางเราและเราอธิษฐานขอปาฏิหาริย์
กลุ่มฮามาสเจอตัวพวกเรา!
พวกเขาพบเรา ผู้ก่อการร้าย 8 คน อยู่ต่อหน้าเราทั้งคู่ ฉันหลับตาลงเพราะแน่ใจว่าพวกเขาจะยิงเรา แต่แล้วพวกเขาก็คว้าเราและยกเราขึ้นจากพื้น พวกเขาเอาโทรศัพท์และทุกสิ่งที่เรามีในกระเป๋าของเราไป พวกเขาประกาศทางเครื่องส่งรับวิทยุว่า “เรามีตัวประกันอีก 2 คน”
ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งเริ่มคุยกับฉันเป็นภาษาอาหรับ และฉันก็บอกเขาว่าฉันไม่เข้าใจเขา ฉันไม่ได้ตะโกน ฉันไม่ได้บ้า ฉันไม่แยแส เขาสวมแจ็กเก็ตของเขาให้ฉันในขณะที่คนอื่นๆ มองฉันเหมือนฉันเป็นชิ้นเนื้อเพราะฉันสวมเสื้อกล้าม มือข้างหนึ่งเขาจับมือของฉัน และอีกมือหนึ่งเขาถือขีปนาวุธ เราเริ่มเดินและเห็นพวกเขามองหาของต่างๆ เช่น บุหรี่และเครื่องดื่มอยู่บนพื้น ฉันจึงช่วยพวกเขา ฉันไม่ต้องการที่จะต่อต้าน
ผู้ชายที่อยู่กับฉันไม่หยุดร้องไห้และร้องขอชีวิต ฉันพยายามอธิบายให้เขาหยุดร้องไห้ว่า “มันทำให้พวกเขารำคาญ หยุดร้องไห้ แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย” พวกเขามีมีดและค้อน ฉันรู้ว่าเรากำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนแรกเขาฟังฉัน แต่เขาก็กลับมาคุกเข่าและกรีดร้องอีกครั้งและร้องขอชีวิตของเขา จากนั้นเขาก็ไม่กรีดร้องอีกต่อไป พวกเขาฆ่าเขาต่อหน้าต่อตาฉัน ฉันถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับพวกเขา
หนึ่งในนั้นเอากระดานมาฟาดหัวฉันทุกๆ สองสามวินาที อีกคนหนึ่งถือมีดและเข้ามาหาฉันทุกสองสามวินาทีอย่างคุกคาม มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาที่จะทำให้ฉันขายหน้า
ผู้ก่อการร้ายที่จับมือของฉันตะโกนใส่พวกเขาและ “จับฉันไว้ใต้แขนของเขา” เราเริ่มเดินไปที่การ์ดใบหนึ่งของพวกเขา และโชคดีที่รถของพวกเขาสตาร์ทไม่ติด ผู้ก่อการร้ายที่ฆ่าชายที่อยู่กับฉันเมื่อครู่นี้ใช้มีดข่มขู่ และบอกกับฉันว่า “ถ้าคุณพยายามหลบหนี ฉันจะฆ่าคุณเหมือนที่ฆ่าเพื่อนของคุณ”
ฉันยังคงยืนอยู่และผู้ก่อการร้ายที่ “พาฉันไปอยู่ใต้แขนของเขา” บอกฉันว่าฉันไปได้ ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร และครู่หนึ่งฉันก็เริ่มวิ่ง ฉันหันกลับไปมองและเห็นว่าไม่มีอาวุธชี้มาที่ฉัน ฉันก็เลยวิ่งต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
วิธีรอดตาย
ฉันซ่อนตัวอยู่ใต้เวที Nova Festival และนอนลงข้างคนตาย 3 คน ฉันทาตัวเองด้วยเลือดที่หยดจากศพข้างกายและแกล้งทำเป็นตายเป็นเวลา 3 ชั่วโมง
3 ชั่วโมงที่รู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์ 3 ชั่วโมงที่ผู้ก่อการร้ายเดินผ่านฉัน และยิงไปทุกที่และเผาพื้นที่ที่เป็นไปได้ทั้งหมด ในขณะที่จรวดลอยอยู่เหนือหัวของฉัน ฉันนอนอยู่ท่ามกลางศพเป็นเวลา 3 ชั่วโมงและสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน
และทันใดนั้นฉันก็เริ่มได้ยินคนพูดเป็นภาษาฮีบรู ฉันตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย!” คนเหล่านี้เป็นทหารของกองทัพ พวกเขามา และพาฉันไปที่รถพ่วงพร้อมหน่วยกู้ภัย พร้อมด้วยผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เป็นเรื่องจริงที่พวกเขาฆ่าจิตวิญญาณของฉัน และฉันหวังว่าสักวันหนึ่งฉันจะสามารถรักษามันได้ แต่สำหรับแฟนฉัน ที่เล่าตั้งแต่ต้นเรื่องได้ไหม? พวกนั้นฆ่าเขา พวกนั้นฆ่าฮีโร่ของฉัน และน่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถพาเธอกลับมาได้
ที่มา : @AGHamilton29
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY
