ลุงขับแท็กซี่ ใส่เครื่องช่วยหายใจ เผย ป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้าย โรคเบาหวาน ต้องขับแท็กซี่หาเงินเลี้ยงชีวิตและเป็นค่ารักษาพยาบาล
27 ส.ค. 63 โลกออนไลน์แชร์ไปอย่างกว้างขวางเมื่อ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ NongyingChuaibamrung ได้โพสต์ข้อความว่า “ว่าวันนี้เวลา18.30 น. ได้ขึ้นรถแท็กซี่จาก สภ.เมืองปทุมเพื่อกลับมาบ้านที่บางคูวัด ตอนนั้นเราก็ได้คุยโทรศัพท์อยู่ด้วยแต่ก็ต้องเอะใจทำไมลุงขับรถช้ามาก ถึงมากที่สุดขับแบบไม่เกิน 40 เราก็หงุดหงิดมาอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรลุงไป จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ไปลุงก็ใช้ให้ช่วยดูเครื่องช่วยหายใจหลังเบาะว่ามีฟองอากาศขึ้นไหมเราเลยถามไปว่าลุงเป็นอะไรคะ ลุงบอกเป็นหลายโรคมาก ตาก็มองไม่ค่อยเห็นแต่หนักๆก็เป็นโรคไตและลุงต้องล้างไตไปด้วยขับรถไปด้วย มีสายรอบตัวลุงไปหมดเราก็ถามต่อว่าลุงอยู่ไหน อยู่กับใคร
ลุงเลยเล่าว่าลุงขับรถแท็กซี่อยู่วินเรือนจำปทุมบ้านลุงอยู่อยุธยา บางไทร ลุงอยู่คนเดียว ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ไม่ทำก็ไม่มีกินเงินคนพิการที่ได้เดือนละ 800 ก็ไม่พอค่ารักษา เลยต้องออกมาเช่ารถแท็กซี่ขับมีลูกชายหนึ่งคนก็ไม่เคยมาดูแลเลย พร้อมร้องไห้ออกมา เราก็ได้แค่พูดปลอบใจลุงไปเมื่อถึงบ้านเราลงรถพร้อมยื่นค่ารถและช่วยลุงไปด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากเพราะมีติดตัวไปแค่นั้นพร้อมบอกลุงว่าหนูขอเอาเรื่องลุงไปลงเฟซนะคะ ลุงก็ยื่นบัตรประชาชนมาให้ถ่ายแต่ตอนนั้นมืดมากถ่ายมาแล้วแต่รูปไม่ชัด ได้แค่เบอร์โทรมาค่ะ(เบอร์ก็เป็นเบอร์เจ้าของบ้านที่ลุงเช่าอยู่ค่ะ) 092-8191106 ใครมีโอกาสเรียกใช้บริการลุงได้นะคะหรืออยากจะช่วยอะไรลุงก็ลองโทรไปได้นะคะ” ซึ่งทราบชื่อคนขับแท็กซี่ภายหลังคือนายสุเมธ สิงห์พันธุ์ อายุ 49 ปี

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบตัว ลุงขับแท็กซี่ คนดังกล่าวแล้วอาศัยอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่ง หมู่ 7 ต.ไม้ตรา อ.บางไทรจ.พระนครศรีอยุธยา และอาศัยอยู่ตามลำพังเท่านั้น
นายสุเมธ เผยว่า เป็นโรคไตระยะสุดท้ายสามปีกว่าซึ่งจากเดิมมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน ตนไม่มีเงิน ทำให้หมอต้องเจาะช่องท้องเพื่อฟอกไต อีกทั้งยังทำงานหรือยกของหนักไม่ได้ และมีอาการเหนื่อยง่ายจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในบางครั้ง การขับแท็กซี่จึงเป็นงานที่ตนพอทำได้ และจำเป็นต้องทำเพราะต้องหาค่ารักษาพยาบาล