ท่าทีเปลี่ยนไป สหรัฐฯ เรียกร้อง หยุดวางทุ่นระเบิด ถอนอาวุธหนัก ทำตามข้อตกลง ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม รมว.กต.อาเซียน วันนี้
ข่าวประเด็นร้อน กรณี ความคืบหน้า สหรัฐฯ เรียกร้อง หยุดวางทุ่นระเบิด เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชายังคงเป็นประเด็นร้อนที่นานาชาติให้ความสำคัญอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องอย่างจริงจังให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบ ถอนอาวุธหนัก และระงับการวางทุ่นระเบิดทันที พร้อมทั้งผลักดันให้กลับไปยึดถือข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์เป็นหลักในการจัดการปัญหาพรมแดนและการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ท่ามกลางบรรยากาศการสู้รบที่ยังคงยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาค
ข่าวที่น่าสนใจ
- เกิดอะไรขึ้น ตลกชื่อดังโพสต์รับงานเอง ลือสนั่นแยกทาง บอล-ตั๊ก จริงมั้ย!
- คลิปนาที เขมรหนีโกลาหล ระเบิดลงใกล้เมืองปอยเปตเสียงดังสนั่น
- F16 ทิ้งไข่แม่น บึ้มคลังอาวุธเขมรเละ – ไทยยิงปืนใหญ่ถล่มปอยเปต
ท่าที สหรัฐฯ เรียกร้อง ยุติวางทุ่นระเบิด
โดย ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ได้เดินทางเข้าร่วมเจรจาด้วยตนเอง เพื่อร่วมพิจารณามาตรการลดระดับความรุนแรงภายใต้การนำของนายโมฮามัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งการประชุมครั้งนี้ยังมีการนำข้อมูลวิเคราะห์ที่ทันสมัย ทั้งผลประเมินจากการลงพื้นที่จริงของคณะทำงานอาเซียน (AOT) และข้อมูลการติดตามผ่านดาวเทียมที่สนับสนุนโดยสหรัฐฯ มาใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการพิจารณาข้อเท็จจริง
ทางด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ได้แสดงท่าทีเชื่อมั่นอย่างระมัดระวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากผู้นำของทั้งสองประเทศ คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีรักษาการของไทย และสมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่างแสดงเจตจำนงที่แน่วแน่ในการยุติความขัดแย้งโดยสันติ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามทางการทูตจากทั้งอาเซียน สหรัฐฯ และจีน ที่พยายามเข้ามาช่วยประสานรอยร้าว แต่ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมยังคงต้องรอผลสรุปจากการหารือครั้งสำคัญนี้ ว่าจะสามารถบรรลุแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและคืนสันติสุขสู่พรมแดนได้จริงหรือไม่