ศาลปกครอง ชี้แจง คดีจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ชี้ไม่ได้มีคำพิพากษา และออกคำบังคับให้ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 9
ข่าวการเมือง กรณี คดีจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 สำนักงานศาลปกครอง ชี้แจงข้อกฎหมายการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีหมายเลขแดงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน ผู้ถูกฟ้องคดีดังนี้
คดีในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีมูลเหตุมาจากกรณีที่มีคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท อันเป็นคำสั่งทางปกครองที่ให้ชำระเงิน ซึ่งหากไม่ชำระ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครอง โดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาดเพื่อชำระเงินตามคำสั่งได้ โดยไม่จำต้องฟ้องคดีต่อศาล

คดีจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ ศาลปกครอง ชี้แจงข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ที่ใช้บังคับอยู่เดิม และมาตรา 63/7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวที่แก้ไขใหม่ เมื่อเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและฟ้องคดีต่อศาลปกครอง โดยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว คดีในส่วนนี้ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลปกครองมีอำนาจเพียงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน
ทั้งนี้ ศาลไม่มีอำนาจพิพากษาให้คู่กรณี ฝ่ายผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งคดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำสั่งพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งพิพาทเฉพาะส่วน ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่า 10,028,861,880.83 บาท โดยศาลปกครองสูงสุดไม่ได้มีคำพิพากษาและออกคำบังคับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 9 แต่อย่างใด
คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2566 โดยตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่นั่งพิจารณา ลงลายมือชื่อในร่างคำพิพากษาครบทั้ง 5 คนเรียบร้อยแล้ว ต่อมาประธานศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้นำคดีเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งในการประชุมใหญ่นั้น จะประกอบด้วย ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่พ้นจากราชการไปแล้ว จึงไม่อาจเข้าร่วมประชุมใหญ่ได้
ข่าวที่น่าสนใจ
- ฉาว สีกากินบวบพระ เป็นถึง เจ้าคณะตำบล ชาวบ้านเอือม ร้องเรียนก็หายเงียบ
- คดีพลิก! สาวถูกปล้นเงิน 3 หมื่น แหวนหมั้น ที่แท้สร้างเรื่อง
- เจน ญาณทิพย์ เล่าเทป คนอวดผี 413 แตงโม นิดา เจอแต่เรื่องหลอนๆ (มีคลิป)
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่ จะเป็นไปตามเสียงข้างมากของที่ประชุม ต่อมา เมื่อจัดทำคำพิพากษาตามมติของที่ประชุมใหญ่แล้ว ตุลาการในองค์คณะ 2 คนที่พ้นจากราชการไปแล้ว จึงไม่อาจลงลายมือชื่อในคำพิพากษาได้ ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมีบันทึกกรณีตุลาการศาลปกครองสูงสุด มีเหตุจำเป็นไม่อาจลงลายมือชื่อได้ไว้ในคำพิพากษาแล้ว ทั้งนี้ การดำเนินกระบวนพิจารณาและจัดทำคำพิพากษาดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 68 และมาตรา 69 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
ส่วนการทำความเห็นแย้งนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนในที่ประชุมใหญ่ มีสิทธิทำความเห็นแย้งได้ตามมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยปรากฏความเห็นแย้งและรายชื่อของตุลาการที่มีความเห็นแย้งอยู่ในคำพิพากษาแล้ว

